รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
15 มิถุนายน 2566 ( 09:23 )
81

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,550-1,570 จุด แม้ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดที่ 5-5.25% แต่ Dot Plot ใหม่สะท้อนโอกาสปรับขึ้นอีก 2 ครั้งปีนี้ โดยแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยจะอยู่ในปีหน้า ทำให้ภาพรวมปัจจัยบวกและลบค่อนข้างผสมผสาน 

 

ประเมินปัจจัยในประเทศที่ตลาดยังรอดูพัฒนาการและคาดหวังเชิงบวกคือการจัดตั้งรัฐบาล โดยคาดกกต.รับรองผลครบ 95% ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ เป็นลำดับ หากปัจจัยการเมืองทยอยคลายตัวที่ละขั้น โดยหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในเดือน ก.ค.-ส.ค. โฟกัสใน 2H23 จะอยู่ที่นโยบายเศรษฐกิจทั้งมาตรการกระตุ้นระยะสั้นและการปรับโครงสร้างในระยะกลาง-ยาว เราประเมินหุ้น Domestic ที่มีความเสี่ยงจากนโยบายรัฐบาลใหม่จะยังฟื้นตัวได้จำกัด กลุ่มธนาคาร ประกัน มีโอกาสปรับขึ้นตาม Bond Yield และอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูงขึ้น ส่วนกลุ่มพลังงานมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงอีกครั้งหลัง IEA ระบุ Demand น้ำมันจะชะลอตัวหลังปี 2026 และชัดเจนในปี 2028

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมบริเวณ 1,500+- จุดถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

 

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท

• ทิศทางกำไร 2Q23-2H23 คาดว่ายังคงแข็งแรงต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่ส่วนลดค่าเช่าคาดปรับตัวลงต่อเนื่องจนกลับสู่ระดับปกติ ขณะที่ค่าไฟปรับที่ปรับลงเป็นปัจจัยบวก 

• เราคาดยังคาดกำไรปี 2023 ที่ 1.3 หมื่นลบ. +18% y-y กลับไปสูงกว่าก่อนโควิด นอกจากนี้เราคาดธุรกิจของ CPN แข็งแรงและกระทบจำกัดจากความกังวลทิศทางนโยบายของรัฐบาลใหม่โดยเฉพาะประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ 

• แนวรับ 67//65 บาท แนวต้าน 71.50//75 บาท

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลง ผลประชุม Fed ไม่หนุนตลาด แต่จีนยังมีลุ้นมาตรการเศรษฐกิจ โดยต่างประเทศ ผลการประชุม FOMC คืนที่ผ่านมา(14) Fed มีนโยบายคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด และส่งสัญญาณว่ามีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งภายในปีนี้ เรามองว่าไม่ได้เป็นบวกต่อตลาดมากนักในวันนี้ 

 

• การประชุม กนง. ครั้งต่อไป ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังธนาคารกลางหลาย ๆ ประเทศก็ยังมีนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ย เรามองว่าจะดีต่อหุ้นกลุ่มแบงก์-บัตรเครดิต (วันนี้ เราชอบ KTB)

 

• จีนยังถูกให้น้ำหนักความสนใจ ซึ่งมาตรการที่ออกมาอาจจะไปเน้นที่ภาคอสังหาฯ เป็นอันดับแรก จึงมองเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวในเศรษฐกิจจีน  ดีต่อหุ้นเดินเรือ  อีเล็คทรอนิคส์ และ Logistics

 

• ราคาน้ำมันยังไม่สามารถยืนเหนือ $75 เหรียญได้ หาก Demand ของจีนเริ่มกลับมา คาดจะเป็นตัวช่วยราคาน้ำมันได้

 

• การเมืองไทย ทำให้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงพักตัว รอการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ หลังจากผ่านการเลือกตั้งมาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ส่วนเรื่องประเด็นหุ้น ITV ของคุณพิธา คาดจะผ่านไปได้

 

•อาจมีแรงเก็งกำไร SET จะประกาศชื่อหุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 ใน 1-2 วันนี้ ซึ่งอาจจะมีผลต่อราคาหุ้น DAOL ประเมินหุ้น เข้า SET150 คือ WHA, TLI และหุ้นเข้า SET100 คือ TLI, SVI, SNNP, SISB, SAPPE, ICHI, BTG, AURA

 

• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ประชุม ECB และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

 

Strategy

• ตลาดอาจแค่ rebound แต่ไปต่อยาก เนื่องจากการเมืองยังไม่ชัดเจน การขายทำกำไรยังมีให้เห็น เน้นเล่นสั้นๆ ไปก่อน

• ผลประชุม FOMC แม้จะคงดอกเบี้ย แต่มีโอกาสขึ้นต่อ Flow ต่างชาติ อาจจำกัดแค่เพียงหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ย คือ กลุ่มธนาคาร  และหุ้นใหญ่ที่ยังมองดีคือ CPALL, AOT

• เล็งหุ้นที่ผลประกอบการ มี turnaround นอกจากกลุ่มปิโตรเคมี (IVL, PTTGC)  จะเป็น  CBG และ TKN แต่ราคาหุ้นขึ้นมาระดับนึงแล้ว

• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น ITC, THCOM*, BBL, KEX* ออก และนำ WHA, KTB  เข้ามาใหม่ พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย WHA(15%), KTB(15%), HANA(10%), IVL(10%), PSL*(15%)

 

Strategy Stock Pick

KTB: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 21.00 บาท) “ดอกเบี้ยขาขึ้นหนุน NIM, คาดรายได้ค่าธรรมเนียมและสินเชื่อโต”

•แนะนำเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร คาดผลประกอบการได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่โต ดอกเบี้ยขาขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียม ที่ปรับตัวขึ้นล้อกันไป

•คุณภาพสินเชื่อดี NPL ต่ำ คาดน้อยกว่าระดับ 3.5% ดังนั้นโอกาสในการเพิ่มการตั้งรองในอนาคตจะต่ำและเป็นบวกต่อกำไร

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 3.8 หมื่น ลบ. และ 4.1 หมื่น ลบ. +14%YoY และ +8%YoY ตามลำดับ

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมิน SET ปรับฐานในกรอบแนวรับ 1,550 – 1,555 แนวต้าน 1,565 – 1,570 หลังเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ Fund Flow ชะลอตัว แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มอุปโภค เช่น CPALL,BJC,AWC,OSP พึ่งพากำลังซื้อในประเทศ / PTTGC,SCGP,IVL,TOP,BCP ได้ประโยชน์หากจีนออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ  

 

CHAYO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.90 บาท) ผลประกอบการ 1Q66 อยู่ที่ 104 ล้านบาท ดีขึ้นทั้ง QoQ, YoY โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของธุรกิจบริหารหนี้ตามพอร์ทที่เติบโต ทั้งนี้คาดแนวโน้มใน 2Q66 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีน่าจะเติบต่อ YoY แม้บริษัทยังไม่ได้ซื้อหนี้เสียเข้ามาเพิ่มมากนัก แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้การติดตามหนี้เป็นช่วงขาขึ้น ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าว่าในปี 66 จะลงทุนซื้อหนี้เพิ่ม 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโอกาสขายที่ดินแปลงใหญ่ที่พังงาได้ในช่วง 2Q-3Q66 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 66 ที่ 386 ล้านบาท +24%YoY

 

AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท) ภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี66 นี้ยังมีแรงหนุนจากการกลับมาเจรจากับลูกค้าต่างชาติได้อีกครั้งหลังการระบาดของ Covid-19 การตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย ซึ่งทาง AMATA ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 66 ไว้ที่ 2,250 ไร่(+125%YoY) จาก 1500 ไร่ ในไทย และ 750 ไร่ในเวียดนาม ส่วนยอดโอนที่ดินปีนี้บ.ตั้งเป้ามีจำนวน 50% ของ backlog จากสิ้นปี 65 ที่ 6,685 ลบ. โดยเบื้องต้น เราคาดว่าในส่วนของกำไร 2Q66 นี้จะปรับตัวได้ดีขึ้น YoY ทั้งจากยอดโอนและรายได้จากสาธารณูปโภค ปัจจุบัน เราประเมินกำไรปกติปี66 ที่ 2,031 ลบ. (+107%YoY)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง