หุ้นสหรัฐฯร่วง กังวลตัวเลขศก.-เงินเฟ้อ หุ้น EV จีนพุ่งรับอีเวนต์ BYD
![หุ้นสหรัฐฯร่วง กังวลตัวเลขศก.-เงินเฟ้อ หุ้น EV จีนพุ่งรับอีเวนต์ BYD](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา (S&P500 -0.95%, Dow Jones -0.99% และ Nasdaq -1.36%) หลังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Amazon -4.05%, Tesla -3.39% และ Alphabet -3.27% นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดัน จากความกังวลด้านเงินเฟ้อหลังอัตราการว่างงานและตัวเลขค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงออกมาสูงกว่าตลาดคาด แม้การจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาชะลอตัวลง
ตัวเลขแรงงานสหรัฐฯออกมาผสมผสานโดย Unemployment Rate ในเดือน ม.ค. ออกมาต่ำกว่าคาดที่ระดับ 4.0% (ตลาดคาดและเดือนก่อนที่ระดับ 4.1%) และ Average Hourly Earnings ในเดือน ม.ค. ขยายตัว 0.5% MoM (ตลาดคาดและเดือนก่อนที่ระดับ 0.3%) ขณะที่ Nonfarm Payrolls ในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 143k ตำแหน่ง (ตลาดคาด 175k ตำแหน่ง vs เดือนก่อน 307k) ทั้งนี้ตลาดมีความกังวลด้านเงินเฟ้อมากขึ้นสะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 6bps สู่ระดับ 4.49% และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) แข็งค่าขึ้น 0.33%
Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วางแผนที่จะประกาศเรียกเก็บภาษีอลูมิเนียมและเหล็กที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ ในอัตรา 25% ในวันที่ 10 ก.พ. และเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเท่ากับอัตราที่คู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ (ภาษีศุลกากรต่างตอบแทนหรือภาษีศุลกากรแบบตอบโต้) กับหลายประเทศภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างประเทศมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองว่าการที่สหรัฐฯ มีแผนจะปรับขึ้นภาษีในวงกว้างมากขึ้น น่าจะส่งผลต่อให้ตลาดเกิดความผันผวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนประเทศและระดับของอัตราภาษี ที่จะปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งการตัดสินใจของ Trump มีความไม่แน่นอนสูงและสามารถปรับเปลี่ยนได้ในนาทีสุดท้ายเหมือนเช่นที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การปรับภาษีนำเข้าสูงขึ้นอาจส่งผลให้ตลาดมีความกังวลมากขึ้นต่อการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ นำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ช้าลง (หรือในกรณีรุนแรงต้องกลับมาปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย)
โดย Fed Watch Tool ระบุว่า ตลาดการเงินให้น้ำหนักกว่า 92% (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 84%) ที่ Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25 - 4.50% การประชุมเดือน มี.ค. ขณะที่ตลาดคาดว่า Fed จะมีการปรับ ลดอัตราดอกเบี้ย 25bps ในเดือน มิ.ย.
.
- Amazon (AMZN US) -4.05%หลังบริษัทให้คาดการณ์รายได้และกำไร 1Q2025 น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด พร้อมเตือนข้อจำกัดศักยภาพธุรกิจ AWS แม้เตรียมลงทุนกว่า $1แสนล้านในปี 2025 โดยใน 1Q2025 Amazon คาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ระหว่าง $1.4-$1.8 หมื่นล้าน (ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ $1.82 หมื่นล้าน) ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะอยู่ในช่วง $1.42-$1.555แสนล้าน (ต่ำกว่าคาดการณ์เฉลี่ยที่ $1.586แสนล้าน)
ทางฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองการปรับตัวลงของราคาหุ้นเป็นเพียงแรงกดดันระยะสั้นที่มาจากผลกระทบของค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่า จำนวนวันทำการเปรียบเทียบที่น้อยกว่า และข้อจำกัดด้านการขยายศูนย์ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง การเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาแนวโน้มนี้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมองเห็นถึงโอกาสสำหรับการเติบโตในระยะยาว จากแผนการลงทุนที่บ่งชี้ถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำทั้งในธุรกิจคลาวด์และ AI ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต
- Nippon Steel ได้ล้มแผนซื้อกิจการ U.S. Steel โดย Trump กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าNippon Steel จะไม่พยายามซื้อ U.S. Steel ของสหรัฐฯ อีกต่อไป และจะมีการลงทุนอย่างมากในบริษัทดังกล่าวแทน นอกจากนี้ Ishiba นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐฯ ได้สะท้อนความเห็นของ Trump โดยเรียกการลงทุนดังกล่าวว่า “เป็นประโยชน์ร่วมกัน”
.
- BYD ประกาศจัด Event ที่ชื่อว่า "Vehicle Intelligence Strategy" ในวันที่ 10 ก.พ. โดยทาง Goldman Sachs ระบุว่าในงานนี้จะเน้นไปที่ระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง "Tianshenzhiyan" และ มุ่งหวังที่จะทำให้ฟังก์ชันขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ในระหว่างการประชุม
ทางนักวิเคราะห์คาดว่า BYD น่าจะกล่าวถึง 1) ประสบการณ์การทดสอบถนนล่าสุดของTianshenzhiyan City NOA 2) กำหนดการเปิดตัวรุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชันขับขี่อัตโนมัติ และ 3)การอัปเดตเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม EV จีนปรับตัวขึ้นแรงนำโดย Geely Automobile +8.05% Li Auto +7.61% และ BYD +4.24%
ทางฝ่ายกลยุทธ์ฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อการจัด Event ในครั้งนี้ และเลือก BYD และ Xpeng เป็น Top Picks ของหุ้น EV จีน โดยเราชอบ BYD เนื่องจาก 1) บริษัทเป็นผู้นำในด้านรถยนต์ EV 2) ยอดขายรถยนต์มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยล่าสุดในเดือน ม.ค. ยอดขาย EV อยู่ที่ระดับ 3.00 แสนคัน +49% YoY และเราชอบ Xpeng เนื่องจาก 1) บริษัทมีการเติบโตที่รวดเร็วและสามารถแย่ง Market Share ในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง 2) ยอดส่งมอบรถยนต์ในเดือน ม.ค. ออกมาแข็งแกร่ง อยู่ที่ระดับ 3.03 หมื่นคัน +248% YoY หนุนจากผลตอบรับจากการเปิดตัวรถยนต์ Mona 03 ที่ดีกว่าคาด
.
- Tesla (TSLA US) -3.39% หลังยอดขาย Tesla ในเดือนมกราคมลดลง ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุน โดยยอดขาย Tesla ในจีนเดือนมกราคมอยู่ที่ 63,238 คัน ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และลดลง 33%เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม สะท้อนถึงความอ่อนแอของตลาดในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มักจะมียอดขายรถยนต์ต่ำที่สุดในปีฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองยอดขาย Tesla ในเดือนมกราคมที่ลดลงในจีน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผลกระทบทางฤดูกาล เนื่องจากเดือนนี้ตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งมีวันหยุดยาวหลายวัน ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์มักจะเริ่มฟื้นตัวหลังจากช่วงเทศกาลผ่านไป
- โดยแม้จะมีแรงกดดันจากยอดขายในระยะสั้น แต่ปัจจัยบวกที่น่าจับตามอง ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการเติบโตของ Tesla ในระยะถัดไป ได้แก่ 1) การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกลง ซึ่งคาดว่าจะมาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025เพื่อเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น 2) การทดลองให้บริการ Robotaxi บางพื้นที่ในปีนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจขับเคลื่อนด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติ 3) รายได้จากซอฟต์แวร์ระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD -Full Self-Driving) ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงและช่วยสร้างแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนในระยะยาว 4) แผนผลิตหุ่นยนต์ Humanoid ที่คาดว่าจะเริ่มปรับใช้ในโรงงานและส่งขายออกในอนาคต
- Xiaomi (1810 HK) +4.69% หลัง HSBC ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นขึ้นสู่ระดับ HKD49.9 (จากเดิม HKD37.9) นักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากนโยบายเงินอุดหนุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการจัดส่งสมาร์ทโฟนและราคาเฉลี่ยต่อหน่วย (ASP) ดังนั้น โบรกเกอร์จึงปรับเพิ่มการคาดการณ์การจัดส่งสมาร์ทโฟนขึ้น 2% และ 3% สำหรับปี 2025 และ 2026 และปรับเพิ่ม ASP ขึ้น 3%สำหรับทั้งสองปี นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายรถ EV ของบริษัทในปี 2025 จะอยู่ระหว่าง 3.04-3.30 แสนคัน (สูงกว่าที่บริษัทคาดที่ 3.00 แสนคัน)
- ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้: สหรัฐฯ CPI เดือน ม.ค. (ตลาดคาด 0.3% MoM vs. เดือนก่อน 0.4%) PPI เดือน ม.ค. (ตลาดคาด 0.3% MoM vs. เดือนก่อน 0.2%) และ Retail Sales เดือน ม.ค. (ตลาดคาด -0.1% MoM vs. เดือนก่อน 0.4%) ยูโรโซน GDP ไตรมาส 4 (ตลาดคาด 0.0% QoQ vs. ไตรมาสก่อน 0.0%) และ Industrial Production เดือน ธ.ค. (ตลาดคาด -0.6% MoM vs. เดือนก่อน 0.2%) ญี่ปุ่น PPI เดือน ม.ค. (ตลาดคาด 0.3% MoM vs เดือนก่อน 0.3%)
- ติดตามรายงานผลประกอบการฯ ในสัปดาห์นี้: จันทร์ McDonald (ตลาดคาดรายได้และ EPS +0.6% และ -3.6% YoY ตามลำดับ) อังคาร Coca Cola (ตลาดคาดรายได้และ EPS -1.6% และ +5.7% YoY ตามลำดับ) พฤหัสบดีCoinbase (ตลาดคาดรายได้และ EPS +90.9% และ +90.5% YoY ตามลำดับ) Airbnb (ตลาดคาดรายได้และ EPS +9.1% และ -2.7% YoY ตามลำดับ)