ขัดแย้งจีน-ญี่ปุ่นแค่เริ่มเท่านั้นและจะหนักขึ้นอีก

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองภูมิภาคเอเชีย วิเคราะห์ให้รอยเตอร์ฟังวานนี้ (20) ความขัดแย้งทางการทูตครั้งใหญ่ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นขณะนี้ เพิ่งจะอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น และเตือนว่า จะหนักขึ้นไปอีก กว่าที่จะมองเห็นทางแก้ปัญหาได้
ญี่ปุ่นเพิ่งส่งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นไปเยือนจีน หวังบรรเทาความขัดแย้งใหญ่ครั้งนี้ แต่ไม่บังเกิดผลดีใด ๆ ทางหลิว จินซง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ผู้พบกับคณะจากญี่ปุ่นดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18) ออกมาบอกหลังประชุมจบว่า ผลการประชุมไม่น่าพอใจ
สตีเฟน แนกกี (Stephen Nagy) ศาสตราจารย์ด้านการเมืองและการระหว่างประเทศศึกษา ( professor of politics and international studies at International Christian University) แห่งมหาวิทยาลัย International Christian เตือนว่า การปะทะกันทางการทูตครั้งใหญ่ระหว่างจีน-ญี่ปุ่น ที่กำลังดำเนินอยู่และแรงขึ้นเรื่อย ๆ นี้ ยังไม่ได้ถึงจุดสูงสุดแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น
แนกกีชี้ว่า จีนเพิ่งกำลังเริ่มกดดันญี่ปุ่นและจะกดดันหนักขึ้นอีก จีนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ความขัดแย้งกับออสเตรเลียเมื่อปี 2020 หรือ 5 ปีก่อน ในครั้งนั้น จีนได้คว่ำบาตรผลิตภัณฑ์สินค้าจากออสเตรเลีย คล้ายกับที่จีนเพิ่งยกเลิกการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นในครั้งนี้ หลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริซันของออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนในระดับโลกเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19
ในกรณีขัดแย้งกับญี่ปุ่นครั้งนี้ จีนได้แสดงความไม่พอใจอย่างมาก และตอบโต้ด้วยมาตรการหลายอย่างที่หวังจะสร้างความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจให้แก่ญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่การคว่ำบาตรการเดินทางไปญี่ปุ่น , การหยุดซื้ออาหารทะเลจากญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมหาศาลอาจถึงระดับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ ไปจนถึงยกเลิกการประชุมและงานอีเวนท์ทางด้านวัฒนธรรมอีกหลายงาน ล่าสุดคือ จีนตัดโอกาสการพบกันนอกรอบระหว่างนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีน กับนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทากาอิจิของญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำจี20 ที่แอฟริกาใต้สุดสัปดาห์นี้ ที่อาจจะช่วยคลี่ยคลายความขัดแย้งได้
นักวิเคราะห์บางคนเปรียบเทียบความขัดแย้งครั้งนี้ เหมือนกับความขัดแย้งระหว่างจีน-ญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 เมื่อญี่ปุ่นตัดสินใจยึดหมู่เกาะพิพาทกับจีน ทำให้เกิดการประท้วงญี่ปุ่นทั่วประเทศจีนในครั้งนั้น ส่งผลให้ผู้นำ 2 ประเทศไม่มองหน้าไม่คุยกันนานถึง 2 ปีครึ่ง
ส่วนชนวนความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่าง 2 มหาอำนาจเอเชียตะวันออกครั้งนี้ เกิดจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ซานาเอะ ทากาอิจิ กล่าวในรัฐสภาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังได้ขึ้นเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของญี่ปุ่น ว่า ญี่ปุ่นอาจแทรกแซงทางทหาร ถ้าหากว่าจีนโจมตีไต้หวัน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นหลายคน เปิดเผยภายหลังว่า คำตอบของทากาอิจิดังกล่าว ไม่มีสคริปต์ ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นการตอบกระทู้ถามสดของฝ่ายค้านในสภา.
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
