รีเซต

โบรกสแกน TNP รับสวัสดิการรัฐ ยอด SSSG บวก

โบรกสแกน TNP รับสวัสดิการรัฐ ยอด SSSG บวก
ทันหุ้น
21 ตุลาคม 2568 ( 00:50 )
2

                บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท เรามีมุมมอง Neutral ต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2568  โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 47 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน (Y-Y) และลดลง 6% จากไตรมาสก่อนหน้า (Q-Q) ทั้งนี้การทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดจากฐานที่สูงในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับอานิสงส์จากยอดขายช่วงน้ำท่วมที่ทำให้ลูกค้ากักตุนสินค้า ส่งผลให้ SSSG (Same Store Sales Growth) ในงวดนี้คาดว่าจะอยู่ที่ -7%Y-Y อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจาก SSSG ติดลบถูกหักล้างด้วยการเปิดสาขาใหม่ และอัตรากำไรขั้นต้นยังขยายตัวได้ดี

** เพิ่มวงเงินสวัสดิการ

                สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/2568  คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายกลับมาเป็นบวก (SSSG บวก) และคาดว่ากำไรจะเติบโตทั้ง Y-Y และ Q-Qเราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ (Buy)” ให้ราคาเป้าหมายปี  2568 (TP25F) ที่ 4.10 บาท โดยอิงกับวิธี DCF เนื่องจาก TNP เป็นหุ้นในกลุ่มบริโภคที่มีความมั่นคงและฐานะการเงินแข็งแกร่ง

ทั้งนี้คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 47 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน และลดลง 6% Q-Q การทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นผลจากฐานสูงในช่วงน้ำท่วมปลายเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งกระตุ้นยอดขายกักตุนสินค้า โดยคาดว่า SSSG จะอยู่ที่ -7% Y-Y แต่รายได้รวมยังทรงตัวที่ราว 730 ล้านบาท จากการเปิดสาขาใหม่ 6 แห่งในช่วง 4Q/2567–3Q/2568 ช่วยชดเชยยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง

                ด้าน อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) คาดว่าจะอยู่ที่ 18.1% เพิ่มขึ้นจาก 17.3% ใน 3Q/2567 และใกล้เคียงกับ 18.4% ใน 2Q/2568 ปัจจัยสนับสนุนมาจาก สัดส่วนสินค้ากลุ่ม Low Margin (เช่น เครื่องดื่มและสินค้าขายส่ง) ที่ลดลง และการสนับสนุนจากซัพพลายเออร์ (Supplier Support) ซึ่งช่วยให้ยอดขายของบริษัทเติบโตได้ดีกว่าค้าปลีกขนาดเล็กทั่วไป

** กำไรสะสม 78%

                หากกำไร 3Q/2568F เป็นไปตามคาด จะทำให้กำไรสะสม 9M/2568F คิดเป็น 78% ของประมาณการกำไรทั้งปี ที่คาดไว้ 190 ล้านบาท (+3% Y-Y) และยังมี Upside ราว 5% จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ที่คาดจะอยู่ที่ 60 ล้านบาท (+17% Y-Y, +25%Q-Q)

                แรงหนุนสำคัญมาจาก มาตรการเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จาก 300 บาทต่อคนต่อเดือน → 1,150 บาทต่อคนต่อเดือน ในช่วงพฤศจิกายน–ธันวาคม 2568 โดยลูกค้ากลุ่มนี้คิดเป็น 8–10% ของรายได้รวม ซึ่งถือเป็นมาตรการที่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของ TNP มากที่สุด

                สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” รอบใหม่ คาดว่า TNP จะไม่ได้เข้าร่วมโดยตรง แต่จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมผ่านยอดขายในกลุ่มค้าส่ง (คิดเป็นราว 6% ของรายได้รวม)

                ทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ซื้อ (Buy)” โดยให้ราคาเป้าหมายปี พ.ศ. 2568 (TP25F) ที่ 4.10 บาท อิงวิธี DCF (WACC 8.0%, Terminal Growth 1.0%)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง