กำไรต่อหุ้นสหรัฐสดใส ปรับเพิ่มจีดีพีโลกโต3.2%

#UOBAM #ทันหุ้น -UOBAM เผยว่า IMF มีการปรับเพิ่มตัวเลขเศรษฐกิจโลก ปีนี้ขยายตัว 3.2% และปี 2569 ที่ 3.1% พร้อมกันนี้ตลาดยังคาดการณ์ กำไรต่อหุ้นสหรัฐไตรมาส 3 ปี 2568 จะเพิ่มขึ้นท่ามกลางความผันผวนของตลาด ทางด้านไทยคาดแบงก์ชาติจะปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ และต้นปี 2569 อีก 1 ครั้ง
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ UOBAM เผยรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกประจำ ปี 2568 ขึ้นมาที่ 3.2% จากคาดการณ์เดือนกรกฎาคม ที่ 3.0% และคาดการณ์ปี 2569 Global GDP Growth ที่ 3.1% โดยปรับเพิ่ม คาดการณ์ GDP สหรัฐปี 2568 ขึ้นมาที่ 2.0% จาก ก.ค.ที่คาดไว้ 1.9%) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ยุโรปมาที่ 1.2% จาก กรกฎาคมที่คาดไว้ 1.0% คาดการณ์ GDP จีนโตที่ 4.8% รวมถึงคงคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 ที่ 2.0% แต่ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2569 ลงมาที่ 1.6% จากคาดการณ์เดือน กรกฎาคม ที่ 1.7%
LSEG Analyst Consensus ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS Growth) ของหุ้นในดัชนี S&P 500 ใน Q3/2568 มาที่ 9.3% เทียบรายปี จากคาดการณ์เดิม 8.8% เมื่อต้นเดือน ตุลาคม 2568
โดยงบหุ้นกลุ่ม US Big Bank ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง JPMorgan, Wells Fargo, Goldman Sachs, Bank of America, CITI, Morgan Stanley ทั้งรายได้จากดอกเบี้ย, ธุรกิจ Investment Banking รวมถึงรายได้จากธุรกิจ Trading สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง
ในขณะที่งบหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดกลาง (US Regional Bank) เผชิญสถานการณที่ยากลำบากกว่าทำให้ดัชนีหุ้น Regional Bank มีการปรับย่อตัวลงแรงกว่า -6% ในคืนวันพฤหัสก่อนฟื้นตัวกลับมาในคืนวันศุกร์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านหุ้นกลุ่ม Big Pharmacy อย่าง Johnson & Johnson กําไรออกมาดีกว่าคาดเช่นกัน ซึ่งหุ้นกลุ่ม Healthcare ยังเป็นกลุ่มที่ Forward PE ตํ่ากว่า 20x
ด้านหุ้นกลุ่ม Semiconductor ทั้ง ASML และ TSMC กําไรต่อหุ้นดีกว่าคาดสะท้อนความต้องการซื้อ (Demand) ที่แข็งแกร่งจากการใช้จ่ายด้านทุน (AI Capital Expenditure Cycle) ของบริษัทขนาดใหญ่ต่างๆ
UOBAM ยังได้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 4/2568 ด้วย โดยในส่วนของสหรัฐ ตัวเลขในตลาดแรงงานเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงแต่ยังไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย ขระที่อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค Core PCE สหรัฐอเมริกาขยายตัวตามคาดการณ์ในเดือน กันยายน 2568 ช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะสั้นลง โดยที่ความคาดหวังเงินเฟ้อในอนาคต 1 ปีและ 5 ปีข้างหน้าเร่งตัวสูงขึ้น
เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาที่ระดับ 4.00-4.25% ในเดือน กันยายน 2568 โดยนักลงทุนในตลาดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือน ตุลาคม และลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธันวาคม 2568 สำหรับหุ้น Mag-5 (ยกเว้น Apple, Amazon), หุ้น Technology & Semiconductor, หุ้น Mid & Small Caps Growth รวมถึงหุ้น Interest
Rates Sensitive อย่าง Utilities ปรับขึ้นได้
ขณะที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวผ่านจุดต่ำสุด ดัชนีราคาบ้านในจีน ปรับตัวลงด้วยอัตราเร่งที่ลดลง พร้อมกับแนวโน้มการฟื้นตัวของตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร โดยในส่วนของคาดการณ์ยอดค้าปลีกจีนอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว
นักลงทุนในตลาดมองบวกกับตลาดทุนจีน มากขึ้น แม้มีแรงกดดันจากภาษีการค้า ทำให้หุ้นจีน Outperformed สะท้อนจากดัชนี EM Equity โดย หุ้นจีนปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังเชิงบวก(Multiple Expansion) และการที่นักลงทุนลดระดับการ Underweight จีน และแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า สนับสนุนสินทรัพย์ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (EM) ทั้งนี้ หุ้นจีน MSCI China มีระดับราคาต่อมูลค่าที่สมเหตุสมผล ในขณะที่หุ้น China Star 50 มีระดับราคาต่อมูลค่าค่อนข้างสูง
ส่วนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัว ในอัตราที่ลดลงผลจากการที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดลง รวมถึงผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนในระดับที่สูง ทำให้กำลังการบริโภคในประเทศค่อนข้างตึงตัว ซึ่ง BOT ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มาที่ระดับ 1.50% ในช่วง Q3 /2568 โดย UOBAM คาดการณ์การลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วง Q4/2568 และลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน Q1/2569
คาดการณ์ USD/THB มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากระดับ 32.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาที่ระดับ 32.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วง Q4/2568 ก่อนแข็งค่าไปที่ระดับ 31.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วง Q1/2569 ส่วนระดับราคาต่อมูลค่าหุ้นไทย ซื้อขายกันในโซนที่ค่อนข้างต่ำ โดยหุ้นกลุ่ม Large-Caps อย่างSET Index และ High Beta เช่น กลุ่ม SET Property Outperformed ในช่วง Q3 /2568
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
