กสิกรไทย หนุนต่อลมหายใจ ช่วยเอสเอ็มอี "รักษาจ้างงาน-ขายหนี้เสีย"
วันนี้(8ก.ค.63)ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า ในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ จะเป็นช่วงรอยต่อธุรกิจเอสเอ็มอี เพราะมาตรการพักชำระหนี้จะสิ้นสุดลง โดยคาดว่าสถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่แน่นอน ทำให้ทางการไทยอาจต่ออายุโครงการ หรือออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น มาตรการในต่างประเทศ เป็นโครงการเน้นการรักษาตำแหน่งงานโดยตรง ซึ่งจะมีเงื่อนไขสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ หรือการอุดหนุนสินเชื่อให้เปล่าให้กับผู้ประกอบการ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการจ้างงานได้ตามที่กำหนด
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว มีข้อดีตรงที่ช่วยให้ลูกจ้างมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพและช่วยยับยั้งการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ ลดปัญหาเชิงสังคมจากการถูกเลิกจ้าง แต่ก็มีข้อสังเกตสำคัญ คือ การออกแบบมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม รวมถึงกลไกการตรวจสอบที่รัดกุม
นอกจากนี้ยังมีแนวทางการโอนขายหนี้ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี)ซึ่งเคยนำมาใช้ในไทยหลังช่วงปี 40 หรือวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งช่วยลดภาระต่อเงินกองทุนของสถาบันการเงิน เพราะช่วยโยกพอร์ตสินเชื่อที่มีแนวโน้มด้อยคุณภาพออกจากงบการเงินและช่วยให้สถาบันการเงินเดินหน้าปล่อยสินเชื่อต่อได้โดยความกังวลลดลงต่อปัญหาหนี้เสีย แต่ผลกระทบจะมาที่สถาบันการเงินมากน้อยเพียงใด ขึ้นกับราคาขายและเงื่อนไขผูกพันในทางปฏิบัติของสัญญาซื้อขายหนี้นั้นๆ ด้วย
ขณะเดียวกันได้ประมาณการผลกระทบในกรณีที่มีการต่ออายุมาตรการออกไป ก็คงช่วยให้ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถประคองอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงไว้ที่ 13-14% เทียบกับเดือนเม.ย.ที่มี 15.8% ต่อสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งแม้ว่ายังถือว่าอยู่ในระดับสูง แต่ทางการควรต้องพิจารณาแนวทางช่วยเหลือสถาบันการเงินควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากแม้สัญญาณเศรษฐกิจและธุรกิจอาจเริ่มดีขึ้นบ้างในปีถัดไป แต่คุณภาพหนี้มักเป็นตัวแปรตามเศรษฐกิจ ทำให้ยังมีโอกาสเห็นหนี้เสียอยู่ในทิศทางขาขึ้นอีก 1-2 ปีข้างหน้า
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline