เวียดนามเกินดุลสหรัฐฯ สูงจ่อกระทบถกภาษี

ในเดือนเมษายน เวียดนามนำเข้าสินค้าจากจีน และส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทำสถิติครั้งใหม่นับตั้งแต่วิกฤตโควิด ซึ่งเสี่ยงกระทบการหารือระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ เพื่อลดกำแพงภาษี เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการให้เวียดนามลดตัวเลขการเกินดุลการค้าลง และปราบปรามสินค้าจีนที่ใช้เวียดนามเป็นทางผ่านก่อนไปยัสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีเวียดนามในอัตราร้อยละ 46 หากไม่สามารถเจรจากันได้ก่อนครบระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ซึ่งจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการส่งออกของบริษัทข้ามชาติที่ตั้งฐานในเวียดนาม อาทิ ซัมซุง, ไนกี้
เวียดนามเตรียมยื่นข้อเสนอหลายเรื่องในการเจรจากับสหรัฐฯ รวมถึงการจัดการการขนส่งสินค้าจากจีนผ่านเวียดนามไปสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย แต่ตัวเลขเกินดุลอย่างต่อเนื่องอาจกระทบต่อความคืบหน้าในการเจรจา
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเวียดนาม ระบุว่า เวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 25 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เฉพาะในเดือนมีนาคม ตัวเลขเกินดุลการค้าอยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงสุดเมื่อเทียบรายเดือน เนื่องจากผู้ผลิตในเวียดนามเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนประกาศมาตรการภาษีศุลกากร
ส่วนในเดือนเมษายน เวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐฯ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมากสุดนับตั้งแต่วิกฤตโควิด
“โซเรน พีเดอร์เซน” รองประธาน SSa มารีน ผู้บริหารท่าเรือน้ำลึกไกเมป ซึ่งส่งออกสินค้าทางเรือส่วนใหญ่ไปยังสหรัฐฯ ระบุว่า ท่าเรือแห่งนี้กำลังเผชิญกับปริมาณการขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน เวียดนามก็นำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นมาก ข้อมูลของสำนักงานศุลกากรเวียดนาม พบว่า ในเดือนเมษายนนำเข้ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำสถิติใหม่นับจากวิกฤตโควิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบที่ใช้ในโรงงาน