RBF เฮสินค้าใหม่พรึบ นิวนอลมอลดันโตยาว
ทันหุ้น - RBF รับผู้ประกอบการแห่ออกสินค้ารับนิวนอลมอล ดันออเดอร์ส่วนผสมอาหารแรงต่อ มีลุ้นคว้าออเดอร์ใหม่จากทั้งลูกค้าเดิม-ใหม่ ขณะทิ่โรงงานอินโดผลิตเต็มกำลัง ดันผลงานโค้งท้ายเด่น ชูมาร์จิ้นสิ้นปียืนเหนือ 40% มั่นใจรายได้ปี 2563 โตตามนัด 10% ด้านโบรกมองนิวนอมอลดันโตเฉลี่ย 23% ถึงปี 65 แนะซื้อเป้า 11.10 บาท
พันตรีแพทย์หญิงจัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBFยอมรับว่า แนวโน้มคำสั่งซื้อส่วนผสมอาหารของบริษัทกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ หันมาออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงมาสู่ความปกติใหม่ หรือ New Normal
“พอมี New Normal ก็ทำให้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับ New Normal เข้ามา ผู้ประกอบการเดิมทยอยส่งออร์เดอร์ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะขณะนี้ที่ปัญหาต่างๆเริ่มคลายตัวลง ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการเริ่มมีการตื่นตัวในการพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น และช่วงปลายปีมักจะมีออเดอร์เข้ามามาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าบริษัทมีโอกาสที่จะได้รับออเดอร์ใหม่ๆ ทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมเข้า”
โดยผลจากคำสั่งซื้อที่เข้ามามากขึ้นส่งผลให้ ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2563จะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า
@รายได้อินโดเข้าอื้อ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) โรงงานผลิตเกล็ดขนมปังในประเทศอินโดนีเซียได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับดีมานด์ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น
ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการผลิตและส่งมอบออเดอร์ในส่วนของโรงงานเกล็ดขนมปังให้กับลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย
ขณะที่โรงงานผลิตเกล็ดขนมปังที่ประเทศเวียดนาม เบื้องต้นอาจมีการเลื่อนกำหนดการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ใหม่ออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่สามารถส่งวิศวะกรเข้าไปดูหน้าไซต์งานได้เพราะติดปัญหาด้านการเดินทางจากสถานการณ์โควิด-19
พันตรีแพทย์หญิงจัณจิดา ระบุอีกว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการควบคุมและดูแลต้นทุนค่าใช้จ่ายให้คงอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายธุรกิจโรงแรมในส่วนของพนักงาน รวมถึงพยายามควบคุมต้นทุนการผลิตในธุรกิจส่วนผสมอาหาร และออกผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับสุขภาพที่มีมาร์จิ้นสูง จึงมั่นใจว่าบริษัทจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ในปีนี้ไม่ให้ต่ำกว่า 40% อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2563จะเติบโต 10% จากปี 2562ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,881.99 ล้านบาท
**ชูโรงR&Dรอบด้าน
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรต่อหุ้นของ RBF จะมีการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปี (2563-2565) ที่ 23% หนุนโดย 1) ยอดขายกว่า 90% มาจากการผลิตตามคำสั่งซื้อ 2) การทำ R&D ที่รอบด้าน 3) การขยายกิจการในต่างประเทศ 4) การทำรสชาติใหม่ๆ เพื่อช่วยการเติบโตในอนาคตและเพิ่มอัตรากำไร
ขณะที่การดำเนินงานของโรงแรมที่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และในมุมมองของฝ่ายวิจัยประเมินว่าการดำเนินงานของโรงแรมจะมีผลขาดทุน 50-70 ล้านบาทต่อปี
แต่ด้วยปัจจัยกลุ่มอุตสาหกรรมกลางน้ำที่หนุนอุตสาหกรรมอาหารโลก RBF มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของโลกด้วยการทำรสชาติที่แปลกใหม่ และมีความเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับด้วยรายได้กว่า 90%มาจากการทำกลิ่นตามคำสั่ง
RBF ยังได้ประโยชน์จากต้นทุนขนส่งอาหารที่ลดลงตามอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น การแต่งกลิ่นและสีสังเคราะห์ รวมถึงแป้ง และซอส จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
ขณะเดียวกันด้วยเทรนด์สุขภาพและความสะดวกสบายนั้นมองว่าจะเป็นปัจจัยบวกในระยะยาว โดยทางผู้บริหารยังคงมุ่งเน้นในธุรกิจสุขภาพและความสะดวกสบายรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Halal ทำให้การเติบโตจากการส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญ (เวียดนามโตในระดับ 2 หลัก และอินโดนีเซีย 1 หลักปลายๆ)
อีกทั้งฝ่ายวิจัยคาดว่า RBF จะได้ประโยชน์จากความสามารถในการแข่งขันที่สูงจากการทำ R&D เพื่อตอบโจทย์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากปัจจัยที่กล่าวมาทำให้ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสมไว้ที่ 11.10 บาท