RBFล็อกเป้าตลาดต่างแดน เดินเกมบุกสินค้ามาร์จิ้นสูง

#RBF #ทันหุ้น - RBF ส่องแนวโน้มไตรมาส 4/2568 รับผลดีตลาดอินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม หนุน ขณะที่ทั้งปี 2568 คาดผลงานเติบโตตัวเลขหลักเดียว เนื่องจากยอดขายในประเทศกดดัน แต่ตลาดต่างประเทศยังไปได้ดี ชี้อินเดียสดใสพร้อมเดินเกมบุกด้วยสินค้ามาร์จิ้นสูง ส่วนปี 2569 ยังท้าทายมุ่งกระจายฐานเติบโต        

นายสุรนาถ  กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF เปิดเผยว่า ผลงานไตรมาส 3/2568 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,078.26 ล้านบาท  ลดลง 0.39% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 โดยปัจจัยกดดันหลักมาจากที่มาของแหล่งรายได้ส่วนยอดขายในประเทศลดลง 5.28% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุจากการชะลอตัวทางการตลาดของลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่ม บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยโดยรวมที่ซบเซา และการแข็งค่าของค่าเงินบาทยังส่งผลให้ลูกค้าในประเทศซึ่งเป็นผู้ซื้อเพื่อนำไปส่งออกมีปริมาณการส่งออกลดลง

                ขณะที่ยอดขายต่างประเทศกลับเพิ่มขึ้น 19.14% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนจากกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชีย จึงพอชดเชยผลกระทบในภาพรวมได้ และบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรจึงทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับเหมาะสมได้เท่ากับ 33.60% ลดลงเพียงเล็กน้อยจากช่วงปีก่อนอยู่ที่ 34.64% ส่งผลกำไรสุทธิอยู่ที่  101.28 ล้านบาท ลดลง 7.23% เทียบไตรมาส 3/2567

@Q4 สัญญาณบวก

                ด้าน พ.ท.พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ  RBF  เปิดเผยว่า บริษัทคาดหวังว่ายอดขายจากต่างประเทศจะเป็นปัจจัยหลักผลักดันการเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจไทยน่าจะไม่เติบโตในปีนี้ และยอดขายในประเทศในส่วนที่เหลือของปียังไม่สามารถชดเชยยอดที่เคยหายไปได้

                อีกทั้งคาดหวังการเติบโตในไตรมาส 4/2568 จะเป็นบวกเล็กน้อย ขับเคลื่อนโดยตลาดลูกค้าเป้าหมาย 3 ประเทศหลัก ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม

                พร้อมกันนี้คาดการณ์ ยอดขายจากต่างประเทศจะมากพอสนับสนุนทำให้ผลประกอบการโดยรวมทั้งปี 2568 อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม หรือสามารถเติบโตได้ระดับ Single Digit และปี 2569 เบื้องต้นทิศทางยังทรงตัว แต่จะได้ประโยชน์กำลังการผลิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะดีขึ้นในภาพระยะยาวเมื่อโรงงานอินเดียเริ่มผลิต เนื่องจากปัจจุบันบริษัทไทยต้องแบกรับการอุดหนุนต้นทุนการผลิตให้กับอินเดีย ซึ่งภาระส่วนนี้กำลังจะหายไป โดยโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทที่อินเดียใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และตามแผนจะเริ่มผลิตในช่วงพฤศจิกายนปีนี้ แต่ด้วยความซับซ้อนของใบอนุญาตและการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจที่ไม่เหมือนไทย ทำให้คาดว่าปีหน้าเมื่อเริ่มผลิตได้เต็มที่ จะสามารถทำตลาดได้ดีและมีความสามารถในการรองรับลูกค้าที่เคยต้องชะลอไว้

@มุ่งสินค้าเพิ่มมาร์จิ้น

                ส่วนการขยายไลน์ผลิตที่โรงงานอยุธยากลุ่ม Functional Ingredient  ได้เริ่มผลิตในช่วงปลายเดือนตุลาคมแล้ว การสร้างโรงงานใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับออเดอร์จากต่างประเทศ และที่สำคัญคือเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อเข้าสู่การยกระดับกลายผู้เล่นรายใหญ่ระดับสากลและผ่านการตรวจสอบ

                ด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัทมุ่งเน้นไปที่สินค้ามูลค่าเพิ่มและสินค้าพร้อมทาน/พร้อมปรุมากขึ้น แทนการเน้นสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ยังพยายามผลักดันสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น กลุ่ม Food Ingredient หรือสินค้าแบรนด์ของตนเอง เพื่อชดเชยสินค้าหลักบางตัวที่ต้นทุนสูง ซึ่งปัจจุบันตลาดมีความต้องการด้านการลดต้นทุน มากกว่าอาหารสุขภาพที่ราคาแพง