abrdn ส่งสมอล-มิดแค็พ กองทุนเด็ดลดหย่อนภาษี
#abrdn #ทันหุ้น บลจ.อเบอร์ดีน เสริมทัพกองภาษี ออก ABSM-SSF เพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน พร้อมแนะนำกระจายลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นสินทรัพย์คุณภาพ พร้อมรับมือในทุกสภาวะตลาด และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวควบคู่กับสิทธิลดหย่อนภาษี
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ abrdn เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงทรงตัว รวมถึงความกังวลภาวะเงินเฟ้อสูงยืดเยื้อกดดันให้หลายประเทศทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดนั้น ได้ส่งผลต่อสภาวะตลาดและการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุนที่เคยได้รับอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ผ่านมา
กองทุนนโยบายยืดหยุ่น
ทั้งนี้การลงทุนระยะยาวในกองทุนลดหย่อนภาษี ผู้ลงทุนควรเลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น (Flexible) พร้อมรับมือกับความผันผวน มีกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุกและเลือกลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพ อีกทั้งมีธีมการลงทุนที่ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างดีในสภาวะตลาดในปัจจุบัน
นอกจากการได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การลงทุนในกองทุน RMF และ SSF ยังถือเป็นอีกเครื่องมือในการวางแผนการออมและการลงทุนในระยะยาวที่ดี ด้วยสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้ลงทุนควรจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) กระจายการลงทุนครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ยังคงแนะนำการเลือกลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพที่มีพื้นฐานดี โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง สามารถปรับตัวได้ดีและคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพราะอเบอร์ดีนเชื่อว่าการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว”
ชูสมอล-มิดแค็พ
นายโรเบิร์ต กล่าวอีกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดพอร์ตลงทุน ล่าสุดอเบอร์ดีนเปิดขายชนิดหน่วยลงทุนเพื่อการออม (SSF) กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ - ชนิดเพื่อการออม (ABSM-SSF) เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพสูง และมีโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยสไตล์การลงทุนเชิงรุก วิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบ bottom-up เฟ้นหาบริษัทที่มีคุณภาพสูง พร้อมเกาะกระแสการเติบโตของเศรษฐกิจยุคใหม่ในประเทศไทย ด้วย 3 ธีมการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่ม Aging Society , การท่องเที่ยว และ Digital Tranformation (ที่มา: abrdn, กันยายน 2565)
ทั้งนี้ abrdn ยังคัดสรรกองทุนอีก 4 กองทุนเพื่อเป็นตัวเลือกในการลงทุนส่งท้ายปี 2565 ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ - ชนิดเพื่อการออม (ABGDD-SSF), กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABAPAC-RMF), กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมาร์ทอินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSI-RMF)
4 กองทุน ลดหย่อนภาษี
สำหรับ ABGDD-SSF ซึ่งลงทุนผ่านกองทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV I – Global Dynamic Dividend Fund โดยกองทุนนี้โดดเด่นด้านการสร้างรายรับสม่ำเสมอจากการลงทุนในหุ้นปันผลปกติและหุ้นปันผลพิเศษจากทั่วโลก โดยที่ผ่านมากองทุนหลักสามารถจ่ายเงินปันผลรายเดือนเฉลี่ยอยู่ในกรอบ 5-7% ต่อปี สามารถเอาชนะดัชนี้ชี้วัด MSCI AC World (Net) Index รวมทั้งยังเอาชนะค่าเฉลี่ยของหุ้นปันผลสูง MSCI ACWI High Dividend Yield Index ได้อีกด้วย
กองทุน ABAPAC-RMF ซึ่งลงทุนผ่านกองทุนหลัก abrdn Pacific Equity Fund เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำที่มีโอกาสเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (ไม่นับรวมญี่ปุ่น) โดยจะเกาะกระแสการลงทุนในเอเชียแปซิฟิค ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากอานิสงส์ของการขยายตัวของสังคมเมือง พร้อมกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลแต่ละประเทศ ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของประชากรชนชั้นกลางที่มาพร้อมกับอำนาจการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มสินค้าและบริการระดับพรีเมียม โดยจะครอบคลุมการลงในกลุ่ม IT การเงิน เฮลท์แคร์ ตลอดจนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่อีกด้วย
กองทุน ABSI-RMF เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจและ/หรือตราสารหนี้อื่นๆ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า รวมทั้งยังถือเป็นทางเลือกที่ดีให้ผู้ลงทุนพักเงินเพื่อรอจังหวะการลงทุนยามตลาดผันผวนโดยไม่พลาดสิทธิลดหย่อนภาษี และ กองทุน ABSC-RMF เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีของไทยที่มีศักยภาพเติบโตอย่างมั่นคง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยความผันผวนค่อนข้างน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนที่เน้นลงทุนไปที่หุ้นขนาดเล็ก