รีเซต

TU กรุงศรี มองเก็บภาษีขั้นต่ำบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ -คาดกระทบกำไรราว 3-8%

TU กรุงศรี มองเก็บภาษีขั้นต่ำบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ -คาดกระทบกำไรราว 3-8%
ทันหุ้น
13 ธันวาคม 2567 ( 11:24 )
21

#TU #ทันหุ้น-บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU โดยมีมุมมอง Slightly Negative จากประเด็นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือครม. เห็นชอบร่างพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) 2 ฉบับ เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีนิติบุคคลในไทย ประกอบด้วย พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม, พ.ร.ก.แก้ไขเกณฑ์กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับเกณฑ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ภายใต้มาตรการ Pillar 2 โดยเก็บภาษีขั้นต่ำบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ Global minimum tax (GMT) 15% สำหรับบริษัทที่มีรายได้รวมเกิน 750 ล้านยูโรต่อปี หรือราว 2.6 หมื่นล้านบาท และส่งเงินภาษีบางส่วนที่จัดเก็บได้ให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 

 

ฝ่ายวิจัยกรุงศรีมองว่าเชิงลบเล็กน้อย จากประเด็นดังกล่าวต่อ TU เนื่องจากบริษัทที่เสียภาษี ราว 7-8% ซึ่งยังต่ำกว่า GMT15% ทั้งนี้ฐานภาษีจ่ายต่างประเทศมากกว่า 15% อยู่แล้ว ดังนั้น ส่วนที่คาดว่าจะกระทบคือบริษัทในเครือที่อยู่ในไทยคิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 35% ของรายได้รวม ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี BOI อย่างไรก็ตาม หากเกณฑ์ GMT ดังกล่าวบังคับใช้เฉพาะกับบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย มองว่าไม่กระทบเพราะ TU เป็นบริษัทสัญชาติไทย 

 

โดยเบื้องต้นฝ่ายวิจัยได้สอบทางทาง TU ซึ่งบริษัทยังประเมินเป็นตัวเลขผลกระทบที่แท้จริงได้ค่อนข้างบาก อย่างไรก็ตาม TU ยังมองว่า  Effective tax rate โดยรวมของกลุ่มบริษัทยังต่ำกว่า 15% เนื่องจากมองว่ายังต้องดูรายละเอียดวิธีการคำนวณ และคาดว่าอาจจะมีแนวทางช่วยเหลือของ BOI ออกมาหลังจากนี้

 

ฝ่ายวิจัยประเมินผลกระทบเชิงลบต่อกำไรปกติ 2568 ในกรอบ 3-8% ในกรณี Base case/Worst case ตามลำดับ โดยคำนวณ Sensitivity สำหรับ Effective tax rate เพิ่มขึ้นทุกๆ เพิ่มขึ้น 1% กระทบกำไรปกติปี 2568 ลดลง 1.3% 

 

ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 4/67 คาดว่ากำไรปกติของ TU เพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายเพิ่ม จากทั้งธุรกิจ Ambient และ Pet care ขณะที่ SG&A/sales ลดลง เพราะค่าใช้จ่ายทางการตลาดลดลง ชดเชยกับ GPM ที่ชะลอ เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นและ Product mix ที่เป็นกลุ่ม Premium จะมากที่สุดในช่วงไตรมาส  

 

ฝ่ายวิจัย ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 5,446 ล้านบาท และในปี 2568 อยู่ที่ 6,146 ล้านบาท โดยแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 19.30 บาท 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง