รีเซต

อนามัยโลกระบุ วัคซีน "โควิดชีลด์" ที่ยึดได้ในอินเดียและแอฟริกาเป็น "ของปลอม"

อนามัยโลกระบุ วัคซีน "โควิดชีลด์" ที่ยึดได้ในอินเดียและแอฟริกาเป็น "ของปลอม"
ข่าวสด
18 สิงหาคม 2564 ( 21:00 )
64
อนามัยโลกระบุ วัคซีน "โควิดชีลด์" ที่ยึดได้ในอินเดียและแอฟริกาเป็น "ของปลอม"

 

อนามัยโลกระบุ - วันที่ 18 ส.ค. บีบีซี รายงานว่า องค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในชื่อ "โควิดชีลด์" ที่ผลิตเป็นรุ่นแรกของอินเดีย และถูกทางการอินเดียและแอฟริกายึดระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค.ปีนี้ เป็น "วัคซีนปลอม"

 

 

องค์การอนามัยโลกระบุด้วยว่า สถาบันซีรั่มแห่งอินเดีย ผู้ผลิตวัคซีนโควิดชีลด์ ยืนยันว่า วัคซีนล็อตดังกล่าวเป็นของปลอม และเตือนว่า วัคซีนปลอมมีความเสี่ยงร้ายแรงต่อสาธารณสุขทั่วโลก และเรียกร้องการกำจัดวัคซีนเหล่านี้ออกไป

 

แม้จะยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอินเดีย แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขอินเดียกำลังสอบสวนประเด็นดังกล่าว

 

 

"แม้ว่าเราจะมีระบบเข้มงวดเพื่อป้องกันกรณีดังกล่าว แต่สิ่งเดียวที่เราต้องการทำให้แน่ใจคือว่า ไม่มีชาวอินเดียคนใดได้รับวัคซีนปลอม" เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินเดียที่ไม่เปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ข่าว เดอะ มินต์

 

ทั้งนี้ โควิดชีลด์เป็นวัคซีนแอสตราเซนเนก้ารุ่นที่ผลิตในอินเดีย และเป็นวัคซีนที่ใช้อย่างกว้างขวางส่วนใหญ่ในอินเดีย ที่มีการฉีดจนถึงตอนนี้ไปแล้วมากกว่า 486 ล้านโดส ส่วนสถาบันซีรั่มเป็นผู้ผลิตวัคซีนแก่ประเทศในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่มีการลงนามจากรัฐบาลชาติต่างๆ และและโครงการโคแว็กซ์สำหรับประเทศยากจน

 

 

อินเดียยังส่งวัคซีนโควิดชีลด์แก่ชาติเพื่อนบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "การทูตวัคซีน" ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมที แต่หลังการระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่สอง ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.ปีนี้ รัฐบาลจึงตัดสินใจเร่งการฉีดวัคซีนและห้ามส่งออก ตั้งแต่นั้นมา สถาบันซีรั่มยังผลิตวัคซีนแก่อินเดียก่อน และไม่ส่งออกจนสิ้นปีนี้

 

อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก ตั้งเป้าฉีดวัคซีนประชากรทั้งประเทศภายในสิ้นปีนี้ แต่จนถึงตอนนี้ ประชากรเพียง 13% ของประเทศ ได้รับวัคซีนครบถ้วน ตั้งแต่เริ่มการฉีดวัคซีนเมื่อเดือนม.ค.ปีนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง