โควิดโอมิครอน BA.4-BA.5 มีอาการมากกว่า BA.1 ถึง 3 เท่า!

วันนี้ (20 มิ.ย.65) ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Anan Jongkaewwattana" เกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนว่า
ข้อมูลจากหน่วยงานทางสาธารณสุขของฝรั่งเศส รายงานความแตกต่างระหว่างอาการป่วยของผู้ป่วย สายพันธุ์ BA.1 กับ สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 ที่เก็บข้อมูลจากผู้ป่วยในฝรั่งเศส
ค่อนข้างชัดว่า 2 สายพันธุ์ย่อยนี้ อาจมีอาการมากกว่า "โอมิครอน" ตัวแรก หรือ โอมิครอนเดิม โดยเฉพาะอาการหายใจลำบาก ที่พบในผู้ป่วยที่ติดสายพันธุ์ BA.1 กว่า 3 เท่า ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า ผู้ป่วยที่ติด BA.4 และ BA.5 มีโอกาสต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เด็กเล็กติดสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 มากกว่า BA.1 และผู้สูงอายุที่มีอายุมาก รับวัคซีนครบและกระตุ้นมาแล้ว BA.4 และ BA.5 อาจหนีภูมิได้ดีกว่า
ด้าน นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีบางสื่อให้ข่าวว่า ร้อยละ 20-40 ของผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน มีผลข้างเคียงระยะยาว หรือ "ลองโควิด" โดยอ้างอิงจากข้อมูลลองโควิดสายพันธุ์เดลต้า ทำให้คนไทยวิตกกังวลกันมาก
สายพันธุ์โอมิครอนพบครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วในประเทศแอฟริกาใต้ และขณะนี้มีการศึกษาพอที่จะบอกได้แล้วว่า ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีลองโควิดมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า
โดย นพ.มนูญ บอกว่า ผลการศึกษามหาวิทยาลัยคิงคอลเลจ ลอนดอน ของสหราชอาณาจักร รายงานในวารสารการแพทย์ Lancet จากการเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อที่มีอาการลองโควิด พบว่าผู้ที่ติดเชื้อ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีอาการป่วยระยะยาวร้อยละ 4.5 หรือจำนวน 2,501 คน จาก 56,033 คน
น้อยกว่าผู้ติดเชื้อเดลต้าที่มีลองโควิด ร้อยละ 10.8 หรือ จำนวน 4,469 คน จาก 41,361 คน สรุปว่า "ลองโควิดสายพันธุ์โอมิครอนน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้ามากกว่าร้อยละ 50"
เพราะฉะนั้นคนไทยไม่ต้องตื่นกลัวเรื่องลองโควิดมากเกินไป คนที่หายป่วยจากโควิดสายพันธุ์โอมิครอนส่วนใหญ่แล้วกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม หรือ มีเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น ที่มีอาการลองโควิด ไม่ใช่ร้อยละ 20-40
ข้อมูลจาก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC และ Anan Jongkaewwattana
ภาพจาก แฟ้มภาพ Reuters