โควิด-19 : จีนเปิดอู่ฮั่นแล้ว แต่หลายฝ่ายยังกังขา "ความสำเร็จ" ของพญามังกร

จีนคือจุดกำเนิดของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อปลายปีที่แล้ว มาวันนี้ รัฐบาลปักกิ่งรายงานประชาคมโลกว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตในประเทศจากโรคโควิด-19 แล้ว แต่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้
แม้จีนเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดครั้งใหญ่นี้ แต่เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวยกย่องชื่นชมจีนว่า "ตรวจจับการระบาดได้รวดเร็ว" รวมถึง "ยึดมั่นในความโปร่งใส"
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายเสียงที่ตั้งข้อสงสัยอย่างต่อเนื่องถึงสถิติตัวเลขดังกล่าวและความสำเร็จของจีนในการจัดการไวรัสโคโรนา
สัปดาห์ที่ผ่านมา ไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ของสหราชอาณาจักร กล่าวกับบีบีซีว่า "รายงานบางส่วนจากจีนไม่มีความชัดเจนถึงขอบเขตการระบาด การทำงานและระดับการแพร่เชื้อของไวรัสนี้"
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อของจีนนั้น "ดูน้อยไปนิด" ด้านนักการเมืองอเมริกันหลายคนก็กล่าวหาจีนว่ารายงานระดับความรุนแรงของการระบาดของไวรัสโคโรนาต่ำกว่าความเป็นจริง
ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในสหรัฐฯ แซงหน้าจีน บางฝ่ายก็มองไปที่จีนเพื่อถอดบทเรียนว่าทำอย่างไรจึงชะลอยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้ ข้อกังขาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อทางการจีนนี้มีต้นตอส่วนหนึ่งมาจากเรื่องราวในอดีต และอีกส่วนหนึ่งมาจากการขาดความชัดเจนโปร่งใสในการแจ้งต่อประชาคมโลกถึงการระบาดของเชื้อไวรัส
รายงานสถานการณ์ประจำวันต่อจากนั้นจนล่าสุดเมื่อ 9 เม.ย. ตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีนอยู่ที่ 82,883 ราย และผู้เสียชีวิต 3,339 ราย
- เรื่องราวของคู่รักจีนและการกักตัวต่อสู้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
- มารู้จักไวรัสที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบระบาดในจีน
- สี จิ้นผิง ยอมรับโควิด-19 เป็น "ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุด
- จีนได้บทเรียนอะไรบ้างจากโรคซาร์สระบาดเมื่อ 17 ปีก่อน
ประวัติฉาวเรื่องราวลับ
ชื่อเสียงของจีนในเรื่องการรายงานข้อมูลทางสถิติต่าง ๆ ไม่ดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะตัวเลขด้านเศรษฐกิจ ซึ่งบ่งชี้ถึงความเจริญก้าวหน้าของประเทศและพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศ ยกตัวอย่าง เช่น ตัวเลขรายไตรมาสของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนนั้น ถือเป็นเพียงแนวทาง ไม่ใช่ตัวเลขที่แม่นยำที่บันทึกกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
บีบีซีรายงานเมื่อปี 2017 ว่า ฉิน ฉิวฟา ผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง กล่าวยอมรับว่ามณฑลของเขา "ร่วมขบวนการหลอกลวงตัวเลขการเงินขนานใหญ่" ระหว่างปี 2011 - 2014 โดยแจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในระดับเมืองและเทศบาลให้แก่รัฐบาลกลาง
ก่อนการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จีนตั้งเป้า GDP ว่าจะเติบโตถึง 6% ในปี 2020 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่หลายปีก่อนหน้านี้ ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวของจีนสำเร็จตรงตามการคาดการณ์เกือบทุกครั้งโดยไม่มีความคลาดเคลื่อน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์นอกประเทศจีนหลายคนกล่าวว่า ไม่มีเศรษฐกิจประเทศใดมอบตัวเลขในระดับที่สม่ำเสมอเช่นนี้เลย
ทั้งนี้ สำนักคาดการณ์เศรษฐกิจบางแห่งกล่าวว่า การเติบทางเศรษฐกิจของจีนแท้จริงแล้วอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของตัวเลขของรัฐบาลจีน นักเศรษฐศาสตร์อิสระบางรายใช้ตัวเลขการผลิตไฟฟ้าของมณฑลต่าง ๆ ของประเทศมาวิเคราะห์ GDP ของจีน พบว่า ตัวเลข GDP ที่แท้จริง น่าจะต่ำกว่าตัวเลขที่ทางการจีนรายงานไว้
ความชอบธรรมในการปกครองประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับการทำผลงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วจะล้มเหลวก็ตาม ดังนั้นจึงมีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นไปตามแผนการของพรรคด้วยนั่นเอง
หากจีนสามารถเผชิญข้อกล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่าขาดความโปร่งใสในข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างตัวเลข GDP ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรที่เราจะมองว่าการรายงานเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาจากจีนจะเป็นไปในทางเดียวกัน
- “ภูมิคุ้มกันหมู่” ดาบสองคมที่นักวิทยาศาสตร์ปฏิเสธใช้ต้านโควิด-19
- ไวรัสโคโรนาทำร้ายร่างกายเราอย่างไร
- ทำอย่างไรให้ปลอดภัยจากไวรัสโคโรนา
ปกปิดข้อมูล
ไม่กี่วันที่ผ่านมา หยิง หยง สมาชิกระดับสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลหูเป่ย์ ออกมาเรียกร้องให้ข้าราชการในท้องที่ "เลิกละเว้นการปฏิบัติและการปิดบังอำพราง"
ไวรัสโคโรนาเริ่มแพร่ระบาดในอู่ฮั่นครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. 2019 และเป็นที่รู้กันว่าจีนได้ปกปิดการมีอยู่ ขอบเขต และความรุนแรงของโรคในช่วงเริ่มต้นของการระบาด ผู้ว่าการเมืองอู่ฮั่นก็เคยยอมรับว่าขาดการดำเนินการในมาตรการต่าง ๆ ในต้นเดือน ม.ค. ขณะที่ยังมียอดผู้ติดเชื้อ 100 คน จนเพิ่งมีการปิดเมืองอย่างจริงจังเมื่อ 23 ม.ค.
จีนแจ้งองค์การอนามัยโลกเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อ 31 ธ.ค. 2019 อย่างไรก็ตาม หลี่ เหวินเลี่ยง นายแพทย์ของเมืองอู่ฮั่นผู้พยายามเตือนเพื่อนร่วมงานถึงโรคติดต่อตัวใหม่กลับถูกตำรวจมาเยี่ยมเยียนถึงที่ ต่อมา นายแพทย์ผู้นี้เสียชีวิตด้วยไวรัสร้ายตัวนี้อีกด้วย
ในช่วงการเดินทางเยี่ยมเมืองอู่ฮั่นของ สี จิ้นผิง เมื่อ 10 มี.ค. 2020 ทางการจีนรายงานว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มในพื้นที่อื่นของจีนยกเว้นมณฑลหูเป่ย์ ทว่าสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานว่า แพทย์นิรนามรายหนึ่งในเมืองกล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐสั่งให้เขาและเพื่อนร่วมงานนำตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ออกจากรายงานของทางการ
ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ พบว่า ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสของจีน "ตั้งใจให้ขาดความครบถ้วน" และตัวเลขสถิติก็ "ปลอม" อีกด้วย
มูลเหตุจูงใจที่ทำให้จีนเลือกปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดเป็นไปได้หลายประการ เช่น ไม่ให้ประชาคมโลกรับรู้ถึงวิกฤตด้านสาธารณสุข ป้องกันการตื่นตระหนก หรือเพื่อควบคุมข่าวสารไม่ให้ขยายความจนบานปลาย
ตัวเลขที่เปลี่ยนไปมา
แม้ว่าตัวเลขจากรายงานอาจจะถูกต้องก็ตาม แต่หลักการคำนวณและได้มาซึ่งสถิติต่าง ๆ ของจีนก็ถูกตั้งคำถามบ่อยครั้งเช่นกัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. - มี.ค. ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนเผยแพร่คำนิยามโรคโควิด-19 ที่แตกต่างกันเป็นจำนวนทั้งหมดเจ็ดครั้ง
ศาสตราจารย์ เบน คาวลิงก์ จากภาควิชาสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า ในช่วงแรก จีนเน้นตรวจเฉพาะผู้ป่วยด้วยอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรงที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับตลาดสดในเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น เขายังประเมินด้วยว่า หากจีนนำเกณฑ์ผู้ป่วยล่าสุดมาใช้ตั้งแต่ต้น ก็อาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อประมาณ 232,000 รายเลยทีเดียว ซึ่งมากกว่าสามเท่าของตัวเลขในรายงานจากทางการ
"เราคิดว่ามีการประเมินการณ์ต่ำไปค่อนข้างมากในช่วงแรกของการระบาด" ศาสตรจารย์คาวลิงก์ กล่าว ยังไม่นับว่ามีผู้ติดเชื้อที่ปราศจากอาการป่วยใด ๆ ด้วย นับจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว จีนยังไม่ได้นำตัวเลขข้างต้นไปรวมกับสถิติในรายงานด้วย แม้ว่าจะตรวจพบและยืนยันผู้ป่วยเหล่านั้นแล้วก็ตาม
กอบกู้ชื่อเสียง ?
สี จิ้นผิง และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เริ่มกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศจีนแล้ว โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า "ชาวบ้านทุกคนต้องเปิดเผยและโปร่งใสในการให้ข้อมูล" นอกจากนี้ จีนยังยกย่องนายแพทย์หลี่ที่เสียชีวิต และผู้คนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องไวรัสโคโรนาเป็นกลุ่มแรก ๆ แต่ถูกทางการลงโทษ ให้เป็นผู้เสียสละของชาติอีกด้วย
สัปดาห์ถัดมาหลังจีนประกาศใช้มาตรการล๊อกดาวน์กับเมืองอู่ฮั่น สื่อในประเทศรายงานว่า สี จิ้นผิง เป็นผู้นำการประชุมในวาระการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ของเดือนมกราคม แม้ว่าย้อนกลับไปในเวลานั้น จะไม่มีรายงานข่าวของเหตุการณ์นี้ออกมาเลยก็ตาม
จีนยังส่งเวชภัณฑ์และความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ประเทศต่าง ๆ ที่ถูกไวรัสเล่นงานอย่างหนักด้วย เช่น อิตาลี และยังมอบความช่วยเหลือให้ประเทศพันธมิตรอย่างเซอร์เบียด้วยเช่นกัน รัฐบาลจีนยังอ้างว่า การทดลองวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาในมนุษย์ขั้นแรกสำเร็จลุล่วงแล้ว โดยใช้ระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
ไม่ว่าข้อมูลที่จีนรายงานจะถูกต้องเพียงใด ก็ดูเหมือนว่าจีนนั้นเริ่มตั้งหลักได้แล้วหลังจากเคยรับศึกหนักที่สุดในวิกฤตครั้งนี้ และปัจจุบันยังเห็นได้ชัดเจนอีกด้วยว่า ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดระดับโลกกำลังต้องการเป็นประเทศผู้ได้ชื่อว่าสามารถปราบไวรัสได้สิ้นซาก