งานวิจัยเผย การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคเกียวกับตับได้

งานวิจัยจาก BNC Public Health สหรัฐอเมริกาบอกกับเราว่า คนที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟที่มีหรือไม่มีคาแฟอีนก็ตาม พบว่าพวกเขามีความสเยงที่จะเกิดโรคตับน้อยลงว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ

นักวิจัยติดตามผู้เข้าร่วม 494,585 คนที่ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับปริมาณกาแฟ อายุเฉลี่ยของอาสาสมัครคือ 58 ปี 54.5 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมเป็นเพศหญิงและ 94 เปอร์เซ็นต์เป็นคนผิวขาว

ทั้งนี้ นักวิจัยได้ควบคุมปัจจัยหลายประการ รวมถึงสถานะการสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ดัชนีมวลกาย (BMI) เชื้อชาติ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ด้วย

เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ ผู้ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงต่อโรคตับเรื้อรังลดลง 21 เปอร์เซ็นต์ ลดความเสี่ยงต่อโรคตับเรื้อรังหรือไขมันพอกตับ 20 เปอร์เซ็นต์ และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคตับเรื้อรัง 49%

กาแฟทุกประเภทมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของการพัฒนาและการเสียชีวิตจากโรคตับเรื้อรัง เมื่อเทียบกับการไม่ดื่มกาแฟ โดยจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากผู้ที่ดื่มกาแฟบดและบริโภค 3-4 แก้วต่อวัน

"ในกาแฟมีสารประกอบทางเคมีหลายชนิดที่อาจมีผลต่อการป้องกันโรคตับ" ดร.เคนเนดี ผู้นำทีมวิจัยกล่าว

สารประกอบดังกล่าว 2 ชนิด ได้แก่ คาเฟสตอล (cafestol) และ คาวีออล (kahweol) เรียกรวมกันว่า ไดเทอร์พีน (diterpenes) สารประกอบที่ละลายในไขมันเหล่านี้มีความเข้มข้นค่อนข้างสูงในกาแฟ

นอกจากนี้ ในกาแฟยังมี กรดคลอโรเจนิก (CGA) ซึ่งเป็นโพลีฟีนอลหรือสารประกอบจากพืชที่พบในกาแฟ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยควบคุมกลูโคสในตับและลำไส้เล็ก

ที่มา: Everyday Health