SAPPE โบรกคาดปี 68 อ่อนแอ ลดคำแนะนำ-หั่นราคาเหมาะสมลง

#SAPPE #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE วันที่ 7 มี.ค.ครึ่งวันเช้า ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 38.25-39.50 บาท ก่อนปิดครึ่งวันที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.31%) มูลค่าการซื้อขาย 60.73 ล้านบาท
SAPPE จัดประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 6 มี.ค. หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 พร้อมทั้งให้เป้าหมายการเติบโตในปี 2568 โดยผู้บริหารลดเป้าการเติบโตของยอดขายปี 2568 ลงจาก 15-20% เป็น 5% จากยอดขายที่คาดว่าจะอ่อนแอลงในสหภาพยุโรปและเอเชีย โบรกเกอร์มีมุมมองเชิงลบ มีการปรับลดคำแนะนำและราคาเหมาะสมของหุ้นลง
.
บล.กสิกรไทยคาดว่า SAPPE จะมียอดขายอ่อนแอในปี 2568
บล.กสิกรไทยมีมุมมองลบจากการประชุมนักวิเคราะห์ไตรมาส 4/67 จากยอดขายที่คาดอ่อนแอในปี 68
บล.กสิกรไทยเชื่อว่ายอดขายที่อ่อนแอลงในยุโรปและเอเชียจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวเนื่องจากเป็นธรรมชาติของเฟสการเติบโตของธุรกิจ แต่ยอดขายในประเทศยังแข็งแกร่งโดยมุ่งเน้นไปยังแบรนด์หลัก
บล.กสิกรไทยลดคำแนะนำเป็น "ถือ" และลดราคาเหมาะสมลงเป็น 37.50 บาท จาก 86.90 บาทจากการปรับประมาณการกำไรปี 68/69 ลง 24.4%/24.8% และลดตัวคูณ PER ลงเป็น -2SD ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยที่ 10.1 เท่า เพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตปี 68 ที่อ่อนแอ
.
บล.ทิสโก้ระบุว่า SAPPE ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เพิ่มขึ้นเพียง 5%YoY และเลื่อนเป้าหมายรายได้ 1 หมื่นล้านในปี 2569 ออกไป
บล.ทิสโก้ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” จากแนวโน้มผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดหลังจากบริษัทประกาศเป้ารายได้ปีนี้เติบโตลดลง จากเดิมที่เคยคาดรายได้เติบโตปีละ 15-20% และจะถึง 1 หมื่นล้านบาทในปี 2569 ซึ่งจะเลื่อนเป้าหมายออกไป จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และกลุ่มประเทศเกาหลีใต้ อังกฤษ และฝรั่งเศส มีปัญหามี demand ที่ลดลง เราปรับประมาณการใหม่สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการชะลอตัว คาดกำไรสุทธิปี 2568 ลดลง และจะเริ่มดีขึ้นปี 2569 หลังจากบริษัทกลับมามุ่งเน้นกับช่องทางการจำหน่ายหลักในการส่งออกและใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายทำการตลาดกับพาร์ทเนอร์มากขึ้น
บล.ทิสโก้ปรับประมาณการลงสะท้อนการส่งออกชะลอตัว
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/68 เราคาดลดลง YoY และ QoQ จากยอดส่งออกที่คาดลดลงในทวีปยุโรปทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส และทวีปตะวันออกกลางคาดลดลงเนื่องจากมีการสั่งสินค้าล่วงหน้ารองรับช่วงรอมฏอนตั้งแต่เดือน ธ.ค.24 แล้ว
บล.ทิสโก้ปรับประมาณการเดิมปี 2568-69 ลดลงจากคาดเดิมปีละ 17% คาดกำไรอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (-11.7%YoY) และ 1.2 พันล้านบาท (+9.4%YoY) ตามลำดับ จากคาดรายได้ส่งออกเติบโตลดลง 5% แบบอนุรักษนิยม จากการส่งออกไปทวีปยุโรปในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสที่มี demand ที่ลดลง การขยายช่องทางจำหน่ายใน modern trade ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และยังมีสต๊อกสินค้าเก่าที่คาดว่าจะต้องเคลียร์หมดในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ และประเทศเกาหลีใต้ที่อ่อนตัวลงจากภาพรวมเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีปัญหาจากเรื่องตัวแทนจำหน่ายมีการเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ ความชำนาญด้านการตลาดยังมีไม่มาก
สำหรับในประเทศยังคงคาดเพิ่มขึ้นปีละ 10% จากการทำการตลาดออกสินค้าใหม่ คาดอัตรามาร์จิ้นลดลงจากสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงและคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
บล.ทิสโก้เปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” จากแนวโน้มผลประกอบการปีนี้อ่อนตัว และคาดจะเริ่มกลับดีขึ้นในปีหน้า เราปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 42.00 บาท อ้างอิง PER-1.5SD เฉลี่ยที่ 11.5X จากผลประกอบการที่มีความผันผวนจากการส่งออกจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PER25F อยู่ที่ 10.5x Dividend Yield 25F อยู่ที่ 7% ROE 25F อยู่ที่ 24.7% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E เพียง 0.3X ความเสี่ยง : เศรษฐกิจ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
.
บล.พายคงคำแนะนำ "ถือ" ที่มูลค่าพื้นฐาน 42.00 บาท บริษัทปรับลดเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2568 จาก 15%-20% เป็น 5% สอดคล้องกับมุมมองเราในรายงานฉบับก่อนหน้าที่นำเสนอข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ รายงานมูลค่าการส่งออกของไทยในกลุ่มเครื่องดื่มในตลาดหลักของ SAPPE ในเดือน ม.ค. 2568 ส่วนใหญ่ลดลง YoY โดยยอดส่งออกภาพรวมจากประเทศไทยไปยังทั่วโลกใน Category เครื่องดื่มประเภทอื่นๆเดือน ม.ค. 2568 ลดลง 12%YoY อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะกลางถึงยาวจากความสามารถในการแข่งขันที่ดีในตลาดเครื่องดื่ม โดยเราคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/68
.
บล.หยวนต้าคาดกำไรในไตรมาส 1/68 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จาก
1) ยอดขายในยุโรปที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัวจากระดับสต๊อกในปัจจุบันที่ยังทรงตัวในระดับสูง 2) ยอดขายในตะวันออกกลางที่ลดลงหลังจากมีการเร่งสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากในไตรมาสก่อนหน้า และ 3) ฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าปกติเนื่องจากลานีญา
เราประเมินว่ากำไรไตรมาส 2/68 จะยังลดลง YoY จากยอดขายในยุโรปที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่คาดกำไรจะกลับมาเติบโต YoY ในครึ่งปีหลัง 2568 จากระดับสต๊อกในยุโรปที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ
บริษัทปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2568 ลงอยู่ที่ 5% YoY จากเดิมที่ระดับ 15% YoY เนื่องจากบริษัทมองเห็นถึงความเสี่ยงที่มากขึ้นจากทั้งยอดขายในเกาหลี และยุโรปที่ฟื้นตัวได้ช้า
เราปรับประมาณการกำไรปี 2568-69 ลง 16.6% และ 22.2% เป็น 1,223 ลบ. (-0.9% YoY) และ 1,319 ลบ. (+7.9%YoY) ตามลำดับ และปรับไปไช้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 43.00 บาทราคาหุ้นในปัจจุบันเหลือ Upside gain เพียง 12.4% จึงปรับคำแนะนำลงจาก "ซื้อ" เป็น "Trading"
.
บล.ฟิลลิประบุว่าบริษัทหั่นเป้ายอดขายปี 68 เหลือโต 5% จากสต๊อกสินค้าที่ระบายไม่ทันในยุโรปและความอ่อนตัวของอุปสงค์และการแข่งขันในเกาหลี คาดอ่อนตัวสุดในไตรมาส 1/68 และจะดีขึ้นตามลำดับฟื้นตัวเป็นปกติในปี 69 SAPPE จ่ายปันผล 2.25 บาท/หุ้น คิดเป็น yield ที่ 5.9% คาดว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ทางฝ่ายมองว่าปี 68 ไม่สดใสนัก แต่เชื่อว่าปัญหาสต๊อกสินค้าจะถูกแก้ไขและมีมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำในอนาคต บริษัทมองว่ายังมีพื้นที่ให้เติบโตในตลาดเดิมเช่นอินโดนีเซีย อังกฤษผ่าน Traditional Trade และตลาดใหม่ๆเช่นอเมริกา ต้องให้เวลาฟื้นตัว แนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาพื้นฐาน 82.25 บาท