รีเซต

PTG เข้าซื้อกิจการสินเชื่อ ไพศาล แคปปิตอล โบรกมอง Upside

PTG เข้าซื้อกิจการสินเชื่อ ไพศาล แคปปิตอล โบรกมอง Upside
ทันหุ้น
3 มกราคม 2567 ( 09:48 )
38
PTG เข้าซื้อกิจการสินเชื่อ ไพศาล แคปปิตอล โบรกมอง Upside

#บลกสิกร #ทันหุ้น - PTG รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าบอร์ดบริหารของบริษัทฯ มีมติอนุมัติเข้าลงทุนในบริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด  ด้วยสัดส่วน 33.33% หรือหุ้นที่ออกใหม่จำนวน50 ล้านหุ้น ในราคา 825 ลบ. 

 

 

PTG เข้าลงทุนในบริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด  ด้วยสัดส่วน 33.33% ซึ่ง ไพศาล แคปปิตอล เป็นบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนใน ตลท. ซึ่งประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ธุรกิจสินเชื่อหมุนเวียน และสินเชื่อรีไฟแนนซ์มายาวนานกว่า 15 ปี จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในปี 2565 "ไพศาล แคปปิตอล" มีสินทรัพย์รวมประมาณ 1.5 พันลบ. และส่วนของผู้ถือหุ้น 1 พันลบ. โดยหลังการเข้าซื้อกิจการ บล.กสิกรคาดว่าสินทรัพย์รวมของไพศาล (เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด)และส่วนของผู้ถือหุ้น (ทุนเรือนหุ้น) จะเพิ่มขึ้น 825 ลบ. คิดเป็นประมาณ 2.3 พันลบ. และ 1.8 พันลบ. ตามลำดับ ขณะที่หนี้สินยังคงเท่าเดิมที่ 500 ลบ. ส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สิ้นสุทธิต่อทุนของไพศาลจะลดลงเหลือ 0 ขณะที่สัดส่วนหนี้สินสุทธิ/ทุนของคู่แข่งอยู่ที่มากกว่า 1-5 เท่า

 

การผนึกกำลังที่เกิดขึ้น ธุรกิจเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองถือเป็นธุรกิจใหม่ของ PTG แต่การเข้าซื้อธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มสร้างประโยชน์ให้กับ PTG เนื่องจากฐานลูกค้าหลักของ PTG คือเจ้าของรถบรรทุก และจากที่บริษัทฯ มีฐานข้อมูลพฤติกรรมการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวจากบัตรสมาชิก PT Max ทำให้เราคาดว่า PTG จะสามารถยกระดับฐานข้อมูลที่มีได้ด้วยการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าเจ้าของรถบรรทุก โดย PTG และไพศาลจะจัดงานแถลงข่าวในวันที่ 9 ม.ค.2567 ซึ่งคาดว่าจะได้รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับดีลนี้

มุมมองที่เป็นกลางต่อข้อตกลง 

 

บล.กสิกรประเมินว่าข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้เกิด upside ประมาณ 2-3% ต่อประมาณการกำไรปี 2568 ของเรา และ 2) ราคาซื้อดูยุติธรรมในแง่ของ EV/EBITDA โดย PTG เข้าซื้อกิจการ "ไพศาล แคปปิตอล" โดยมี EV/EBITDA ที่ 18 เท่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งในประเทศที่ 18-20 เท่า อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ PER และ PBV ข้อตกลงนี้มีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากราคาซื้อคิดเป็น PER ที่ 24 เท่า และ PBV ที่ 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งในประเทศที่ PER ที่ 9-10 เท่า และ PBV ที่ 1-1.2 เท่า

 

คงคำแนะนำ “ซื้อ ” และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 10.20 บาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง