รีเซต

สลด! สาวพลัดตกระเบียงคอนโด ชั้น 3 ย่านเทพารักษ์ ดับปริศนา ญาติคาใจ

สลด! สาวพลัดตกระเบียงคอนโด ชั้น 3 ย่านเทพารักษ์ ดับปริศนา ญาติคาใจ
ข่าวสด
14 มิถุนายน 2564 ( 01:42 )
243

 

สาวอดีตนายหน้าขายประกัน พลัดตกระเบียง ชั้น 3 คอนโดย่านเทพารักษ์ ดับปริศนา ญาติยังคาใจ สามีเผยมีคนเห็นเหตุการณ์ตอนกระโดด

 

 

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 13 มิ.ย. 2564 ร.ต.อ.สาโรจน์ มูลมานัส รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีหญิงพลัดตกลงมาจากระเบียงชั้น 3 คอนโดมิเนียม ถนนเทพารักษ์ ขาเข้านครบาล หลักกิโลเมตรที่ 5 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง สมุทรปราการ จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ

 

 

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 12 ชั้น ที่บริเวณฟุตปาธหน้าร้านเสริมสวย ซึ่งอยู่ชั้นล่างของอาคารดังกล่าว พบร่างของน.ส.ประภัสสร ศิวรักษ์ อายุ 41 ปี นอนหงายจมกองเลือดเสียชีวิต ลำคอและศีรษะกระแทกกับขอบฟุตปาธ สภาพศพศีรษะด้านหลังแตกเป็นแผลฉกรรจ์

 

 

 

สอบถามนายอนุชา ศรีสิงห์ อายุ 42 ปี แฟนใหม่ของผู้ตาย ให้การว่า ตนกับผู้ตายและลูกสาว พักอาศัยอยู่ที่ชั้น 3 ห้องที่ 60 ซึ่งเพิ่งมาเช่าอยู่ได้ประมาณ 4-5 วัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ตายมีปัญหากับพ่อแม่ที่พักอยู่ในย่านบางปะกง จึงพากันมาเช่าห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายทำงานเป็นนายหน้าขายประกัน ตั้งแต่โควิดระบาดงานก็ไม่คอยมี

 

 

 

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุตนนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องโถง ส่วนลูกสาวนั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ ตอนแรกผู้ตายก็นั่งอยู่ด้วยกัน ก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงหลังห้อง ตนและลูกสาวต่างคิดว่าผู้ตายน่าจะไปเข้าห้องน้ำ จนเวลาผ่านไปนานก็ไม่เห็นผู้ตายออกมา จึงเดินออกไปดู แต่ระหว่างที่เดินผ่านห้องนอนได้เห็นขวดยาแก้แพ้อากาศตกอยู่บนเตียงนอนในสภาพขวดเปล่า แต่ไม่ได้เอะใจอะไร

 

 

นายอนุชา กล่าวอีกว่า จากนั้นตนได้เดินออกไปดูผู้ตายที่ห้องน้ำด้านหลัง แต่พบว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่ จึงมองลงที่ด้านล่างได้เห็นร่างของผู้ตายนอนจมกองเลือดอยู่ที่บนฟุตปาธ ตนและลูกสาวจึงได้รีบลงมาดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว แต่มีคนที่เดินผ่านที่เกิดเหตุบอกว่าเห็นผู้ตายกระโดดลงมาจากระเบียงหลังห้อง

 

 

ขณะที่ญาติของผู้ตายได้เดินทางมาที่เกิดเหตุและติดใจการเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายพลัดตกลงมาเอง หรือจงใจกระโดดลงมาฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่มอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จากนั้นจะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง