3สาวรัสเซียฆ่าพ่อ เผชิญข้อหาฆาตกรรม แม้ถูกพ่อทำร้ายร่างกายและจิตใจ

3สาวรัสเซียฆ่าพ่อ เผชิญข้อหาฆาตกรรม แม้ถูกพ่อทำร้ายร่างกายและจิตใจ

3สาวรัสเซียฆ่าพ่อ - ซีเอ็นเอ็น รายงานความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญและเขย่าสังคมของรัสเซีย เมื่อ นายมีฮาอิล ฮาชาตูเรียน วัย 57 ปี ถูกลูกสาวสามคนสังหารเมื่อเดือน ก.ค 2560 เพราะถูกเหยื่อทำร้ายใช้ความรุนแรงและล่วงละเมิดทางเพศมานาน ว่า ศาลเริ่มเปิดการไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2563

สามสาวพี่น้อง ได้แก่ น.ส.มาเรีย ฮาชาตูเรียน วัย 17 ปี น.ส.แองเจลีนา ฮาชาตูเรียน วัย 18 ปี และ น.ส.คริสตีนา ฮาชาตูเรียน วัย 19 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม แม้จะเกิดกระแสสังคมเห็นใจสามสาวก็ตาม

น.ส.มาเรีย ลูกคนเล็ก / AFP

สำนวนคดีสอบสวนระบุว่า ก่อนนายมีฮาอิลเสียชีวิต เขาเดินทางไปคลินิกจิตเวชและกลับบ้าน โดยลงโทษลูกสาว 3 คนที่ทำห้องรก ด้วยการพ่นสเปรย์พริกไทยใส่หน้าลูกสาว จนลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นโรคหอบหืดถึงกับเป็นลม

คืนนั้นเอง ลูกสาวทั้ง 3 คนลงมือสังหารพ่อบังเกิดเกล้า ด้วยค้อน มีด และสเปรย์พริกไทยที่พ่อใช้พ่นใส่หน้าทั้ง 3 คน

ผลการสอบปากคำที่ซีเอ็นเอ็นได้ข้อมูลมา สาวคนหนึ่งใน 3 พี่น้องสร้างรอยบาดแผลให้เกิดขึ้นเองเพื่อตบตาว่าพ่อใช้มีดทำร้ายพวกตนก่อน จากนั้นลูกๆ จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจและเรียกรถพยาบาล

คริสตีนา ฮาชาตูเรียน พี่สาวคนโตเดินทางมาเข้ารับการไต่สวนเบื้องต้นที่ศาลกรุงมอสโก เมื่อ 31 ก.ค. (Photo by Dimitar DILKOFF / AFP)

ศพนายมีฮาอิลอยู่บนบันไดในอพาร์ตเมนต์ ที่กรุงมอสโก มีร่องรอยถูกมีดแทงยับบนหน้าอกและคอ

วันต่อมา 3 สาวถูกจับและสารภาพว่าฆ่าพ่อตัวเองโดยกล่าวว่าหลายปีที่ผ่านมา ถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศ ถูกทารุณจิตใจ

เมื่อกลางปีก่อน พี่น้องทั้ง 3 ถูกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งจุดกระแสให้นักเคลื่อนไหวในรัสเซียเรียกร้องให้ผ่านกฎหมายคุ้มครองเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งถูกดองในสภามาตั้งแต่ปี 2559

Maria Khachaturyan (Photo by Dimitar DILKOFF / AFP)

อเล็กซีย์ ลิปต์เซอร์ ทนายความของ 1 ใน 3 พี่น้องกล่าวว่าศาลไต่สวนเมื่อวันศุกร์ที่ 31 ก.ค. ในกรุงมอสโก พี่สาว 2 คน ได้แก่ คริสตีนาและแองเจลีนา ถูกไต่สวนด้วยกัน ส่วนมาเรีย น้องสาวคนเล็ก ซึ่งมีอายุ 18 ปี ขณะก่อเหตุ ไม่ได้สมยอมในการก่อเหตุฆาตกรรม และจะถูกตั้งข้อหาอาญาแยกต่างหาก

ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านความรุนแรงภายในบ้านและทีมทนายของ 3 พี่น้อง เห็นตรงกันว่าเนื่องจากกฎหมายและระบบศาลไม่มีกลไกการป้องกันตัวที่เพียงพอ ทำให้ทั้ง 3 คน มีทางออกเลือกเดียว คือ ป้องกันตัวเอง หรือไม่อย่างนั้น ก็อาจเป็นฝ่ายเสียชีวิตเพราะน้ำมือของพ่อตัวเอง

ความโหดเหี้ยมของนายมีฮาอิล เห็นได้จากข้อความสั้นที่ส่งมาทางโทรศัพท์ขู่ฆ่าลูกๆ และจะข่มขืนพวกเธอและแม่ของเด็กๆ

เช่น ข้อความในเดือน เม.ย. 2561 ว่า “ฉันจะเฆี่ยนตีพวกแก ฉันจะฆ่าแก” และกล่าวหาลูกๆ ว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพื่อนชายว่า “พวกแกมันก็โสเภณีและจะต้องตายเหมือนโสเภณี”

นอกจากนี้ รายงานสอบปากคำยังระบุว่าเด็กๆ ถูกทารุณทางจิตใจและทางร่างกาย รวมทั้ง ล่วงละเมิดทางเพศมานานอย่างน้อย 4 ปี ก่อนสังหารพ่อ

ส่วนอเล็กซีย์ พาร์ชิน 1 ในทนายความของ 3 พี่น้องกล่าวว่า “เราคิดว่าพวกเธอไม่มีทางเลือก พ่อทำให้พวกเด็กๆ หมดหวัง ชีวิตทั้งชีวิตต้องตกอยู่ในนรก พวกเธอร่างกายไม่แข็งแรง จิตใจอ่อนแอ และยังมีอาการป่วยทางจิตที่เกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง”

ตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวเดินขบวนหลายสิบครั้งเพื่อรณรงค์ “ฉันไม่อยากตาย” เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จัดประเภทคดีเสียใหม่ให้กับ 3 พี่น้องว่าเป็นการ “ป้องกันตัวเอง” ซึ่งมีเซเลบหลายคนร่วมเดินขบวนด้วย เช่น เซเนีย ซอบชัก อดีตผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเซเนียและเซิร์จ แทนเคียน นักร้องวงร็อค “ซิสเท็ม ออฟ ดอว์น”

ความรุนแรงต่อสตรี

ส่วนการสำรวจความเห็นชองชาวรัสเซียเมื่อปี 2562 ที่จัดทำโดยศูน์เลวาดา ระบุว่าผู้หญิงร้อยละ 47 และผู้ชายร้อยละ 33 คิดว่าสิ่งที่สามสาวพี่น้องทำนั้นเหมาะสมแล้ว

ส่วนการสำรวจโดยมีเดีย โซนา สื่อรัสเซียที่รายงานเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและเรือนจำ ระบุว่าผู้หญิงรัสเซียร้อยละ 80 ที่ถูกคุมขังฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ระหว่างปี 2559-2561 กระทำลงไปเพราะพยายามปกป้องตัวเองจากผู้ทำร้าย

ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียไม่ให้ความสำคัญกับร่างกฎหมายต่อต้านความรุนแรงภายในครอบครัว มาตั้งแต่ปี 2559 และยังหาทางนิรโทษกรรมผู้กระทำทารุณกรรมทุกรูปแบบเมื่อ 3 ปีก่อนอีกด้วย

ต่อมา ปี 2560 สภาผ่านร่างกฎหมาย เนื่องจากถูกกระแสกดดันจากโบสถ์รัสเซียออร์โธดอกซ์และผู้ที่เห็นคุณค่าตามประเพณีนิยม และกฎหมายฉบับนี้ถูกเรียกว่า “กฎหมายตบหน้า” เพราะนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดที่ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บเล็กน้อย

นึกว่าคดีจะพลิก

เบื้องต้น ดูเหมือนว่าแรงกดดันจากประชาชนอาจทำให้คดีจะพลิก เมื่อเดือน ม.ค. 2563 สำนักงานอัยการยืนยันว่าข้อหาจำเลยว่าพี่น้องฮาซาตูเรียนทนทุกข์ทรมานจากการถูกเฆี่ยนตี ถูกทำให้อัปยศอดสู ขู่และทำร้ายทั้งทางร่างกายและการล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้น จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการป้องกันตัว

อัยการจึงสั่งการให้คณะกรรมาธิการสอบสวนจัดประเภทคดีนี้เสียใหม่จากฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มาเป็น จำเป็นต้องป้องกันตัว

ทนายพาร์ชินกล่าวว่าการเปลี่ยนประเภทคดีมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะนำไปสู่การยุติการสอบสวนด้านอาญากับ 3 พี่น้อง ซึ่งมีบทลงโทษ 20 ปี จากข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

เพิกเฉยต่อสิทธิมนุษยชน?

แต่ วิกเตอร์ กริน อัยการที่เคยแนะนำให้เปลี่ยนประเภทคดีให้อ่อนลง กลับยืนยันเมื่อเดือนพ.ค. ว่าข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงท่าทีแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

มารี ดาฟต์ยาน นักกฎหมายที่ช่วยเหยื่อคดีถูกทารุณในครอบครัว กล่าวว่าการพลิกคดีสะท้อนให้เห็นถึงการเพิกเฉยต่อสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่เริ่มมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรัสเซีย หลังจากทำประชาพิจารณ์ วันที่ 1 ก.ค.

การทำประชาพิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อเสริมฐานอำนาจแก่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงในอนาคต ซึ่งการทำประชาพิจารณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากไล่จับกุมฝ่ายตรงข้ามหลายคน

เช่น อิวาน ซาโฟรนอฟ อดีตนักข่าวที่ถูกตั้งข้อหากบฏต่อรัฐ หรือ เซอร์เกย์ ฟูร์กัล อดีตผู้ว่าการเมืองฮาบารอฟสค์ ซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าพัวพันกับการฆาตกรรมนักธุรกิจหลายคน จนจุดกระแสประท้วงครั้งใหญ่ในเขตสหพันธ์ตะวันออกไกลของรัสเซีย ขณะที่ทั้งคู่ปฏิเสธข้อกล่าวหา

ด้านดาฟต์ยานโพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัวของเธอว่า “ฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากวันที่ 1 ก.ค. ประเทศเลือกทางเดินของตัวเอง และคดีพี่น้อง ฮาชาตูเรียน ก็ไม่มีข้อยกเว้น”

//////////////

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : ศาลปล่อยชั่วคราว 3 สาวพี่น้องรัสเซีย คดีฆ่าพ่อขี้ยา-ขัง-ซ้อม-ขืนใจ