สุดอาลัย ชาวบ้านร้องไห้ระงม เพลิงลุกท่วมเชิงตะกอน เผาแล้วเหยื่อกราดยิง 19 ราย
เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 11 ตุลาคม พระสงฆ์ 1 รูป ได้นำเหรียญไปใส่ไว้ในเชิงตะกอน ตามความเชื่อเพื่อซื้อที่ซื้อทางให้กับดวงวิญญาณ จากนั้นมีพิธีกรรมเเก้เคล็ด เนื่องจากวันอังคาร ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นวันเเข็ง ห้ามเผาศพ เมื่อเริ่มพิธีกรรมมีผู้ชาย 2 คน ถือไฟใต้กระบองเดินมา พร้อมกับผู้เฒ่าผู้เเก่ 1 คน ที่ถือจอบมาขุดหลุมเตรียมฝังศพในพื้นที่วัด จากนั้นจะมีพระภิกษุสงฆ์ 1 รูป เดินมาทักท้วงว่ามาขุดดินจะมาทำอะไรในที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งคนที่ขุดดินก็จะตอบว่ามาเพื่อจะฝังศพ ซึ่งพระภิกษุสงฆ์ก็ตอบกลับว่าอนุญาตให้เผาเเทน เเต่ขอถามญาติโยมก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากเห็นด้วยให้สาธุดังๆ ซึ่งญาติโยมที่มาร่วมพิธีก็ต่างยกมือขึ้นหัวส่งเสียงสาธุ ชาย 2 คน ที่ถือไฟใต้กระบอง ก็ได้ดับไฟ เป็นอันเสร็จพิธี
ด้าน นายเลิศ จันทบุรม อายุ 76 ปี เป็นผู้เฒ่าผู้เเก่ในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นผู้นำในการทำพิธี เปิดเผยว่า พิธีการดังกล่าว ทำเพื่อเเก้เคล็ดวันอังคาร ซึ่งเป็นวันเเข็ง ไม่นิยมเผาศพ อีกทั้งยังเป็นวันพระ ซึ่งความเชื่อมาตั้งเเต่โบราณห้ามเผาศพในวันนี้ เพราะจะทำให้เกิดอาเพศ เเละตามธรรมเนียมของคนอีสาน คนที่เสียชีวิตเเบบผิดธรรมชาติ จะไม่เผา เเต่จะใช้วิธีการฝัง จึงจำเป็นต้องทำพิธีเเก้เคล็ด เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน ซึ้งเป็นเป็นพิธีกรรมต่อเนื่องจากพิธีย้ายธรณี ที่ทำไปเมื่อวานที่ผ่านมา โดยหลังเสร็จพิธีก็ได้ขอพรสิ่ง
ต่อมาเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่อัญเชิญเพลิงพระราชทาน ดอกไม้จันทร์พระราชทาน นำขบวนเคลื่อนโลงศพผู้เสียชีวิตมา เริ่มจากโลงแรกคือ ร่างของคุณครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ท้อง 8 เดือนมาพร้อมกัน ตามด้วยร่างของเด็กๆ ซึ่งจะมีครอบครัวถือรูปเดินนำโลงศพมา ซึ่งเหตุผลที่นำคุณครูมาเป็นร่างแรก เนื่องจากต้องการให้คุณตรูได้นำน้องๆต่อแถวกันขึ้นสู่สวรรค์ จากนั้นนำมาตั้งไว้ที่เตาเผาเชิงตะกอนเรียงกันทั้ง 19 ร่าง ก่อนที่จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมหน้าไฟ และสวดมาติกา
ซึ่งครอบครัวของเด็กๆ ก็นำของเล่นต่างๆของน้องๆมาเผารวมกันไปทั้งหมดด้วย ก่อนที่จะเริ่มการทำพิธีสงฆ์ ได้มีเวลาให้ครอบครัวได้ร่ำลาส่งท้ายกับผู้เสียชีวิต ด้านสามีของคุณครู ก็ได้จูบและพูดกับคุณครูด้วย นอกจากนี้ ครอบครัว ญาติพี่น้อง และคนที่มาร่วมงาน ต่างร้องไห้กันระงมในพื้นที่