SCIตั้งสำรองบ.ย่อยเบ็ดเสร็จ ดึงทุนใหม่ร่วมธุรกิจเมียนมา

#SCI #ทันหุ้น - SCI เผยบันทึกตั้งสำรองบริษัทย่อย ที่เมียนมา หวัง-จบเบ็ดเสร็จในงบไตรมาส 4/2567 มั่นใจเคลียร์ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตามแผน พร้อมดอดหาพันธมิตรต่างชาติเข้ามาถือหุ้นใหญ่แทน หวังอนาคตพลิกกลับรายการเป็นกำไร ขณะที่ปี 2568 เป้ารายได้รวม 2 พันล้านบาท ตุนงานในมือกว่า 1.9 พันล้านบาท เล็งปลายปีนี้เพิ่มไลน์ผลิตเสาเหล็กขยายตลาด
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI ผู้ประกอบธุรกิจผลิต-จำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูง และตู้สวิตช์บอร์ด เปิดเผยว่างบการเงินไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 บริษัทอยู่ระหว่างรอประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ทั้งนี้แม้ธุรกิจหลักทั้งเสาไฟฟ้าแรงสูง และตู้สวิตช์บอร์ดจะได้งานสม่ำเสมอ รวมทั้งมีกำไรจากการลงทุนอื่น
แต่คาดว่าจะถูกกดดันจากการตั้งสำรองในบริษัทย่อยที่เมียนมา สืบเนื่องจาก บริษัท เอสซีไอ เมทัล เทค จำกัด (เมียนมา) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCI ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 96.19 ของหุ้นทั้งหมด ได้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน ระหว่างบริษัทย่อย และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM Bank ฉบับลงวันที่ 23 กันยายน 2559 และที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม โดยมี SCI เป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ ซึ่งต่อมาได้แก้ปัญหาการชำระหนี้แล้ว
โดยตกลงยืดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยค้างรวมราว 380 ล้านบาท เป็นปี 2575 รวมถึงลดดอกเบี้ยค้างพร้อมปรับอัตราดอกเบี้ยให้ยืดหยุ่นกว่าเดิม ทำให้สถานะบริษัทไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้แต่อย่างใด
@หมดภาระตั้งสำรอง
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการลงทุนดังกล่าวอยู่ในสถานการณ์ปกติและไม่มีความจำเป็นต้องตั้งสำรองเพิ่มแล้ว ซึ่งบริษัทมีนโยบายการปรับโครงสร้างโดยอยู่ระหว่างเจรจาดึงพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบริษัทย่อยในสัดส่วน 75% โดยคาดหวังธุรกรรมต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในปีนี้ทั้งหมด
“งบปี 2567 ออดิเตอร์ให้ตั้งสำรองในเรื่องของเมียนมาให้หมด ซึ่งเงินที่ลงทุนทั้งหมดก็โดนตั้งด้วยรวมเกือบๆ 400 ล้านบาท ทยอยไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1, 2, 3 และ ไตรมาส 4 ก็จบจะไม่มีตัวถ่วงกำไรอีกแล้วในปีใหม่นี้ ซึ่งการตั้งสำรองเป็นเรื่องทางบัญชี บริษัทเรามีกระแสเงินสดดีเป็นปกติ แต่เรายังหวังว่าจะได้เห็นกำไรพลิกกลับด้วยถ้าได้พันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นใหญ่แทน”
@ งานแน่นหนุนรายได้
สำหรับปี 2568 บริษัทประมาณการรายได้ที่ราว 2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ 60-70% มาจากงานประเภทเสาไฟฟ้าแรงสูง จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศหรือ กฟฝ. มีงานในมือแล้วราว 1.3 - 1.5 พันล้านบาท ส่วนงานตู้สวิตช์บอร์ด รายสายไฟฟ้าและอุปกรณ์ มีงานในมือแล้วราว 400 ล้านบาท ซึ่งงานทั้งหมดจะรับรู้ในปีนี้
ประกอบกับบริษัทยังมีงานรับเหมาก่อสร้างในต่างประเทศอื่นๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมรายได้ด้วย และมี 2-3 งานขนาดใหญ่ที่คาดจะรู้ผลการเข้าไปเสนอรับงานและลงนามสัญญาได้ไตรมาส 3/2568 หากได้มาจะทำให้บริษัทมีงานรองรับยาวระยะ 4 ปี
สำหรับความคืบหน้าธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้าชีวภาพบริษัทประมูลเข้ามาได้จำนวน 4 โครงการรวมราว 12 เมกะวัตต์ ก็อยู่ระหว่างหาพันธมิตรเข้ามาร่วมดำเนินการ คาดจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปี 2569-2570
นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จการเข้าลงทุนซื้อขาย Bitcoin ที่ทยอยซื้อรวม 40 เหรียญ และระยะนี้มูลค่าเพิ่
มขึ้นมา 5 เท่าตัวจากต้นทุน โดยบริษัทมีนโยบายขายออกบางส่วนเพื่อทำกำไรแล้ว
“ธุรกิจหลักงานเราแน่นทั้งปีแล้ว และต่อไปเราทำเสาไฟฟ้ากลมทรง 8 เหลี่ยมแบบที่เป็นเหล็กทั้งแท่งด้วย ตรงนี้ลงทุนไม่มากเพราะใช้พื้นที่เดิม ติดตั้งเครื่องจักรราว 30 ล้านบาท ปลายปีนี้ก็เริ่มผลิตเพื่อรับงานตลาดใหม่ๆ เพิ่ม สร้างการเติบโต”นายเกรียงไกร กล่าว