รีเซต

กกร.ชี้ธุรกิจบริการ-บริโภค เริ่มฟื้นหลังเปิดเมือง หนุนรัฐเจรจามาตรการลดหย่อนให้ต่างชาติ

กกร.ชี้ธุรกิจบริการ-บริโภค เริ่มฟื้นหลังเปิดเมือง หนุนรัฐเจรจามาตรการลดหย่อนให้ต่างชาติ
มติชน
3 พฤศจิกายน 2564 ( 14:47 )
33
กกร.ชี้ธุรกิจบริการ-บริโภค เริ่มฟื้นหลังเปิดเมือง หนุนรัฐเจรจามาตรการลดหย่อนให้ต่างชาติ

วันที่ 3 พฤศจิกายน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร. ว่า


การเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. 2564 ช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี การเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและประชาชนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ซึ่งเริ่มเห็นได้จากข้อมูลเร็ว หรือ High Frequency Data เช่น การค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และการเดินทางในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงคาดการณ์อัตราการเข้าพักที่ผู้ประกอบการโรงแรมมองว่าจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับ 15% ในเดือนกันยายน ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้น

 

นายสนั่น กล่าวว่า ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่าผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว สอดคล้องกับมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทย ก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ทำให้คาดการณ์ว่าภาพเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้น และพร้อมๆ กับมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน

 

“จากการเตรียมการของผู้ประกอบการเพื่อรับการเปิดเมือง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วงที่ผ่านมา โดยภาคเอกชนยังหวังว่าภาครัฐจะเสริมมาตรการด้วย มาตรการช๊อปดีมีคืน จะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้กลับมาคึกคักมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้า” นายสนั่น กล่าว

 

นอกจากนั้นเพื่อเป็นการให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทางภาคเอกชนก็เชื่อว่า หากภาครัฐมีการผ่อนคลายและโปรโมตกิจกรรม เทศกาล ทั้งงานลอยกระทง และงานปีใหม่ได้ ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ โดยควรย้ำว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงในขณะนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นการระบาดด้วย

 

อีกทั้ง ภาคการผลิตของไทยยังสามารถเติบโตได้ แต่เผชิญปัญหาอุปทานตึงตัวเช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ปัญหาอุปทานตึงตัวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทำให้ต้องชะลอการผลิตและไม่สามารถผลิตสินค้าได้มากเท่ากับที่ตลาดต้องการ และส่งผลให้ราคาสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำปรับตัวสูงขึ้นมาก ในประเด็นนี้จึงทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นราว 5% เทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ผู้ส่งออกยังต้องเผชิญกับต้นทุนค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์และการขาดแคลนตู้ส่งสินค้า จึงต้องติดตามภาวะต้นทุนของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

 

นายสนั่น กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. ประเมินว่าสถานกาณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาจะทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5 % ถึง 1.5% ส่วนการส่งออก กกร. ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัว 12-14% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกรอบ 1.0 – 1.2% ซึ่งมองว่าตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

นอกจากหารือถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังคุยถึงประเด็นอื่นด้วย คือ

 

1.สำหรับการอำนวยความสะดวกสำหรับนักเดินทาง ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และ นักลงทุน ที่เข้าออกประเทศไทย โดยภาครัฐควรเร่งเจรจาให้มีมาตรการลดหย่อน ตอนขากลับประเทศปลายทางด้วย เพื่อจะได้ไม่โดนการกักตัวและมีค่าใช้จ่ายที่สูง เมื่อเดินทางกลับ รวมถึงมีการสื่อสารข้อมูลที่อัพเดทและถูกต้องให้นักเดินทางด้วย ซึ่งส่วนนี้จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยว ในปีหน้ากลับมาฟื้นตัวได้

 

2.การเจรจาความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศ โดย CPTPP ซึ่งภาคเอกชนได้ส่งผลการศึกษาของภาคเอกชนให้ทางภาครัฐและภาคประชาสังคมไปแล้ว เพื่อเร่งให้ เข้าร่วมเจรจา CPTPP เพราะหากช้าก็จะทำให้เสียโอกาส พร้อมกับต้องเพิ่มการเจรจาตามเงื่อนไขของประเทศที่จะเข้ามาเพิ่มเติมด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องหารือร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกประเทศร่วมกัน

 

3.การเตรียมความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพ APEC ในปีหน้า ที่ทางภาครัฐจะใช้ BCG เป็นหัวข้อในการหารือภายใต้ Theme “Open Connect Balance” ซึ่งภาคเอกชนก็เห็นถึงความสำคัญประเด็นนี้ และพร้อมที่จะร่วมจัดงานกับภาครัฐด้วย โครงการภาคเอกชนจัดงานภายใต้ Theme “Embrace Engage Enable”

 

นอกจากนี้ สมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงกรณีตัดเงินผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานระบบการชำระเงิน ชมรมธุรกิจบัตรเครดิต และชมรมตรวจสอบและป้องกันการทุจริต เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และวางมาตรการป้องกันปัญหาเชิงรุก พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกรรมบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์ในต่างประเทศ พร้อมกันนี้สมาคมธนาคารไทย ได้ออกสื่อประชาสัมพันธ์ แนะ 10 แนวทางทำธุรกรรมออนไลน์อย่างปลอดภัย เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง