รีเซต

สถิติโรคหลอดเลือดหัวใจ–ไหลตาย คนไทยเสี่ยงเพิ่ม โดยเฉพาะชายวัยทำงาน

สถิติโรคหลอดเลือดหัวใจ–ไหลตาย คนไทยเสี่ยงเพิ่ม โดยเฉพาะชายวัยทำงาน
TNN ช่อง16
1 ธันวาคม 2568 ( 15:17 )
2

โรคหลอดเลือดหัวใจ–ไหลตาย ภัยเงียบที่ตัวเลขคนไทยเริ่มชัด

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจระบุว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease – CAD) ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพสำคัญของประเทศไทย ทั้งในแง่อัตราป่วยและอัตราเสียชีวิต โดยมีความเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญกับอาการเสียชีวิตเฉียบพลันในขณะนอนหลับ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “ไหลตาย”

อาการดังกล่าวสัมพันธ์กับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง โดยเฉพาะ Brugada syndrome ซึ่งพบได้ในคนไทยมากกว่าหลายภูมิภาคของโลก และเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจและพันธุกรรมของคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตัวเลขชี้ชัด โรคหัวใจ–หลอดเลือดคร่าชีวิตคนไทยชั่วโมงละ 5 ราย

ข้อมูลสาธารณสุขล่าสุดระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย โดยในปี 2566 พบผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรคนี้ประมาณ 40,000 รายต่อปี คิดเป็น เฉลี่ยราว 5 รายต่อชั่วโมง

สำหรับ “โรคหลอดเลือดหัวใจ” โดยเฉพาะ พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 21,700 รายต่อปี และมีผู้เสียชีวิตจากภาวะดังกล่าวเฉลี่ย ประมาณ 2–2.3 รายต่อชั่วโมง สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้สูงอายุ แต่กำลังกระทบกลุ่มวัยทำงานมากขึ้น

ในด้านอัตราตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจขาดเลือด (Ischemic Heart Disease – IHD) เมื่อนำตัวเลขช่วงปี 2012–2021 มาวิเคราะห์ พบแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะเพศชาย

  • ปี 2021 อัตราตายจาก IHD อยู่ที่ 26.9 ต่อประชากร 100,000 คน
  • เพศชาย 35.7 ต่อแสนคน
  • เพศหญิง 18.3 ต่อแสนคน

นักวิชาการด้านสาธารณสุขชี้ว่า แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนการสะสมของปัจจัยเสี่ยง ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต สังคมสูงวัย และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง

“ไหลตาย” กับ Brugada syndrome ในคนไทย

อาการ “ไหลตาย” หรือ Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome (SUNDS) เป็นการเสียชีวิตเฉียบพลันในขณะนอนหลับ โดยผู้ป่วยมักดูแข็งแรงมาก่อนและไม่มีอาการเตือนชัดเจน

แพทย์โรคหัวใจอธิบายว่า กลไกสำคัญคือการนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง เลือดไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะสำคัญ ส่งผลให้เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่นาที โดยกรณีในประเทศไทยมักสัมพันธ์กับ Brugada syndrome อย่างมีนัยสำคัญ

จากข้อมูลการศึกษาทางคลินิกในไทย พบว่า

  • อัตราการเกิด “ไหลตาย” อยู่ที่ประมาณ 38–40 รายต่อประชากร 100,000 คน

ส่วนใหญ่

  • เป็นเพศชาย
  • ช่วงอายุ 25–50 ปี
  • สุขภาพโดยรวมดูปกติ
  • พบมากในกลุ่มชาติพันธุ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
  • ส่วน Brugada syndrome พบในคนไทยราว 0.004% หรือราว 40 รายต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับบางประเทศในยุโรปและอเมริกา

แพทย์ชี้ว่าแม้จำนวนผู้ป่วยไม่มากเมื่อเทียบกับโรคหัวใจทั้งหมด แต่ผลกระทบต่อครอบครัวและเศรษฐกิจมีค่อนข้างสูง เพราะมักเกิดในกลุ่มวัยแรงงานที่เป็นเสาหลักของครอบครัว

ปัจจัยเสี่ยง–ตัวกระตุ้น ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ

ข้อมูลจากโรงพยาบาลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องระบุปัจจัยที่เชื่อมโยงกับ “ไหลตาย” และโรคหลอดเลือดหัวใจ ดังนี้

 • พันธุกรรมและประวัติครอบครัว

 • มีญาติสายตรงเสียชีวิตกะทันหันขณะนอนหลับ หรือเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ

 • พบความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกี่ยวกับช่องสัญญาณโซเดียมของหัวใจ

 • ความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ

 • คลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ Brugada pattern

 • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรูปแบบอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

 • พฤติกรรมเสี่ยงและสิ่งแวดล้อม

 • การดื่มสุราจำนวนมาก โดยเฉพาะก่อนนอน

 • การรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตสูงหรือมื้อดึกจัด

 • ใช้แรงงานหนักหรือมีความเครียดสะสม

 • ภาวะร่างกาย–ยา–สารอาหาร

 • ไข้สูงจากการติดเชื้อเฉียบพลัน

 • ภาวะขาดโพแทสเซียมหรือวิตามินบี 1 อย่างเฉียบพลัน

 • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ที่อาจมีผลต่อการนำไฟฟ้าหัวใจ

แพทย์เน้นว่า ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ทุกคนเกิดภาวะไหลตาย แต่หากหัวใจมีความผิดปกติแฝงอยู่ เช่น Brugada syndrome ปัจจัยกระตุ้นเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงได้

มุมมองเชิงสาธารณสุข ความท้าทายของไทยในกลุ่ม “ตายเฉียบพลัน”

นักวิชาการด้านระบาดวิทยาชี้ว่า แม้กลุ่มผู้เสียชีวิตจาก “ไหลตาย” จะเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจทั้งหมด แต่มีความสำคัญเชิงนโยบายอย่างมาก เพราะ

 • เกิดในกลุ่มอายุยังน้อยและอยู่ในวัยทำงาน

 • ผู้ป่วยมักไม่เคยเข้ารับการตรวจหัวใจมาก่อน

 • ครอบครัวมักไม่ทราบว่าในสายพันธุ์ของตนมีความเสี่ยงด้านโรคหัวใจ

ข้อเสนอเชิงระบบที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณา เช่น

 1. คัดกรองครอบครัวกลุ่มเสี่ยง

สนับสนุนการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจในกลุ่มที่มีประวัติญาติสายตรงเสียชีวิตกะทันหัน ขยายการเข้าถึงการตรวจในโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลจังหวัด

 2. สร้างความรู้ความเข้าใจในชุมชน

ให้ข้อมูลว่า “ไหลตาย” ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์หรืออาถรรพ์ แต่มีสาเหตุทางการแพทย์ที่ป้องกันได้บางส่วน หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ

 3. เข้าถึงการรักษาอย่างเหมาะสม

ส่งต่อผู้ป่วยที่ตรวจพบ Brugada pattern หรือภาวะเสี่ยงสูงไปยังศูนย์โรคหัวใจ เพื่อพิจารณาการรักษา รวมถึงการพิจารณาใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจอัตโนมัติ (AICD) ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการตายเฉียบพลัน

สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

แพทย์แนะนำว่า หากพบอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหัวใจ

 • เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ใจสั่น หายใจลำบากผิดปกติ

 • เคยวูบหรือหมดสติขณะนอนหรือใกล้ช่วงนอน โดยไม่ทราบสาเหตุ

 • มีญาติสายตรงเคยนอนหลับแล้วเสียชีวิตกระทันหัน

 • ตรวจสุขภาพแล้วพบคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ

การเข้ารับการตรวจและติดตามอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดโอกาสเกิด “ตายเฉียบพลัน” ได้ แม้ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมดก็ตาม

ตัวเลขโรคหัวใจที่ไม่ควรถูกมองเป็นแค่สถิติ

สถิติล่าสุดตอกย้ำว่า “โรคหลอดเลือดหัวใจ” ยังเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในประเทศไทย โดยมีความเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและอาการ “ไหลตาย” ในกลุ่มชายวัยทำงานอย่างมีนัยสำคัญ

นักวิชาการย้ำว่า การรับรู้ความเสี่ยง การตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ และการคัดกรองครอบครัวกลุ่มเสี่ยง เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดตัวเลขการเสียชีวิตเฉียบพลันในระยะยาว พร้อมเสนอให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและเครือข่ายโรงพยาบาลร่วมกันยกระดับการคัดกรองและให้ข้อมูลประชาชนอย่างจริงจัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง