ความเครียดทางการเงินศัตรูเงียบของหัวใจ เทียบเท่าคอเลสเตอรอล

เมื่อพูดถึง “ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ” หลายคนจะนึกถึงคอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือการสูบบุหรี่ แต่ในความเป็นจริง ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่นักวิจัยเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ ความเครียดทางการเงิน (Financial Stress)
ความเครียดทางการเงินไม่ใช่แค่การไม่มีเงินใช้เท่านั้น แต่รวมถึงภาวะกังวลเรื่องหนี้สิน รายได้ไม่แน่นอน หรือความรู้สึกไม่มั่นคงทางการเงินในระยะยาว ภาวะเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อระบบฮอร์โมน ความดันโลหิต และพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด
กลไกที่เชื่อมโยงความเครียดทางการเงินกับโรคหัวใจ
ระบบตอบสนองต่อความเครียดของร่างกาย (Stress Response)
เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) และอะดรีนาลีน (adrenaline) เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ แต่หากความเครียดเรื้อรัง ฮอร์โมนเหล่านี้จะสูงต่อเนื่อง ทำให้หลอดเลือดหดตัว ความดันโลหิตสูง และเกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
ผลกระทบต่อระดับไขมันในเลือด
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ความเครียดเรื้อรังอาจเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ขณะเดียวกันยังลดคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อมและตีบง่ายขึ้น
พฤติกรรมสุขภาพที่เปลี่ยนไป
ความเครียดทางการเงินมักทำให้คนหันไปพึ่งพาพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การกินอาหารไขมันสูง การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือนอนน้อยลง พฤติกรรมเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจโดยอ้อม
ผลกระทบทางจิตใจ
ความเครียดเรื้อรังอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล ซึ่งมีหลักฐานว่าทำให้ความเสี่ยงของโรคหัวใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากร่างกายอยู่ในภาวะตื่นตัวตลอดเวลาและมีระดับการอักเสบสูง
ความเสี่ยง “เทียบเท่า” คอเลสเตอรอล?
แม้คอเลสเตอรอลจะเป็นตัวชี้วัดทางชีวภาพที่ตรวจได้โดยตรง แต่ในหลายการศึกษาพบว่า ความเครียดทางการเงินสามารถเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจได้ในระดับใกล้เคียงกับปัจจัยทางกายภาพอย่างคอเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาระหนี้สินรุนแรงหรือไม่มีความมั่นคงทางรายได้
ผู้ที่มีความเครียดทางการเงินระดับสูงอาจมีโอกาสเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวายสูงถึง 10–13 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีความเครียดทางการเงิน ซึ่งใกล้เคียงกับผลกระทบของคอเลสเตอรอลสูงต่อความเสี่ยงหัวใจในบางกลุ่ม
ดังนั้น แม้จะไม่สามารถกล่าวได้ว่าความเครียดทางการเงิน “เท่ากับ” คอเลสเตอรอลโดยตรง แต่ถือเป็น ปัจจัยเสริม (Risk Enhancer) ที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลสุขภาพหัวใจ
แนวทางลดผลกระทบของความเครียดทางการเงิน
- วางแผนการเงินอย่างมีระบบ จัดสรรรายรับรายจ่าย และสร้างเงินสำรองฉุกเฉิน
- ลดหนี้สินหรือปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดแรงกดดันทางจิตใจ
- ดูแลสุขภาพกายและใจอย่างต่อเนื่อง เช่น ออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ และนอนหลับเพียงพอ
- ปรึกษานักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต หากมีความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป
- ตรวจสุขภาพหัวใจและไขมันในเลือดเป็นประจำ โดยแจ้งแพทย์ถึงภาวะความเครียดทางการเงินที่เผชิญอยู่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
