รีเซต

ยาน Parker Solar Probe จับภาพดวงอาทิตย์ใกล้สุดเป็นประวัติศาสตร์ ช่วยไขปริศนาอวกาศ

ยาน Parker Solar Probe จับภาพดวงอาทิตย์ใกล้สุดเป็นประวัติศาสตร์ ช่วยไขปริศนาอวกาศ
TNN ช่อง16
12 กรกฎาคม 2568 ( 11:57 )
12

ยานสำรวจ Parker Solar Probe ของ NASA ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง โดยการเดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะเพียง 3.8 ล้านไมล์  ประมาณ 6.1 ล้านกิโลเมตร เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา พร้อมบันทึกภาพชั้นบรรยากาศโคโรนา (Corona) ที่คมชัดและใกล้ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภาพถ่ายชุดใหม่นี้ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นความสวยงามอันน่าทึ่งของดวงดาวแม่ของเรา แต่ยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจ "ลมสุริยะ" และ "สภาพอากาศในอวกาศ" ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อโลกของเราได้ดียิ่งขึ้น

ความสำคัญต่อโลกและอวกาศ 

ภารกิจนี้เปรียบเสมือนการส่ง "นักพยากรณ์อากาศ" ไปยังต้นตอของพายุสุริยะโดยตรง ข้อมูลที่ได้มามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องเทคโนโลยีและชีวิตบนโลก

นิคกี้ ฟ็อกซ์ ผู้บริหารจาก NASA กล่าวว่า "ยาน Parker Solar Probe ได้พาเราเข้าไปสัมผัสใจกลางชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ ทำให้เราได้เห็นจุดกำเนิดของภัยคุกคามจากสภาพอากาศในอวกาศด้วยตาของเราเอง ไม่ใช่แค่จากแบบจำลองอีกต่อไป ข้อมูลใหม่นี้จะช่วยให้เราพยากรณ์สภาพอากาศในอวกาศได้แม่นยำขึ้นอย่างมหาศาล เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนักบินอวกาศ และปกป้องเทคโนโลยีของเราทั้งบนโลกและในอวกาศ"

โดยเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2024 ยานได้บินห่างจากพื้นผิวดวงอาทิตย์เพียง 3.8 ล้านไมล์ (ประมาณ 6.1 ล้านกิโลเมตร) ผ่านชั้นบรรยากาศชั้นนอกที่เรียกว่า "โคโรนา" (Corona) และใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์มากมาย รวมถึงกล้อง WISPR ในการเก็บข้อมูลและภาพถ่าย

ภาพล่าสุดเผยให้เห็นอะไรบ้าง?

ภาพถ่ายจากกล้อง WISPR ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เห็นปรากฏการณ์สำคัญอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ลมสุริยะ" (Solar Wind) ซึ่งเป็นกระแสอนุภาคไฟฟ้าที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมาตลอดเวลา ลมสุริยะนี้เองที่เป็นต้นตอของปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น แสงเหนือที่สวยงาม แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ และรบกวนระบบไฟฟ้ากับการสื่อสารบนโลกได้

และที่เป็นครั้งแรกของโลก ยานสามารถจับภาพการชนกันของ "การปลดปล่อยมวลโคโรนา" (Coronal Mass Ejections - CMEs) ซึ่งเป็นการระเบิดของมวลสารและพลังงานขนาดมหึมาจากดวงอาทิตย์ ได้ด้วยความละเอียดสูง

แองเจโลส วูลลิดาส หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้ดูแลกล้อง WISPR อธิบายว่า "ในภาพเหล่านี้ เราเห็น CME หลายลูกซ้อนทับกัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก เพราะเมื่อ CME ชนกัน มันอาจเปลี่ยนทิศทางและทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้คาดเดาได้ยากว่าจะส่งผลกระทบต่อโลกหรือไม่และรุนแรงเพียงใด"

การเข้าใจว่า CME รวมตัวกันอย่างไร จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อนักบินอวกาศ ดาวเทียม และเทคโนโลยีภาคพื้นดินได้ดีขึ้น

ไขปริศนาต้นกำเนิด "ลมสุริยะ"

แนวคิดเรื่องลมสุริยะถูกเสนอขึ้นครั้งแรกในปี 1958 โดยนักฟิสิกส์ชื่อ ยูจีน ปาร์กเกอร์ ซึ่งยานสำรวจลำนี้ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา แม้ในอดีตจะมีภารกิจหลายอย่างที่ศึกษาลมสุริยะจากระยะไกล แต่ยาน Parker Solar Probe เป็นยานลำแรกที่ "ดำดิ่ง" เข้าไปสัมผัสกับต้นกำเนิดของมันโดยตรง

ข้อมูลจากยานพบว่า ลมสุริยะบริเวณใกล้ดวงอาทิตย์นั้นแตกต่างจากลมสุริยะที่เดินทางมาถึงโลกอย่างสิ้นเชิง โดยยานได้ค้นพบปรากฏการณ์ "สวิตช์แบ็ก" (Switchback) หรือสนามแม่เหล็กที่หักเหทิศทางอย่างกะทันหัน ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้

ต่อมาในปี 2024 นักวิทยาศาสตร์ได้ประกาศการค้นพบครั้งสำคัญว่า ลมสุริยะความเร็วสูง (หนึ่งในสองประเภทหลักของลมสุริยะ) ได้รับพลังงานส่วนหนึ่งมาจากปรากฏการณ์สวิตช์แบ็กนี้เอง นับเป็นการไขปริศนาที่ค้างคาใจนักวิทยาศาสตร์มานานกว่า 50 ปี

อย่างไรก็ตาม ลมสุริยะความเร็วต่ำ ซึ่งเคลื่อนที่ช้ากว่าแต่มีความหนาแน่นและแปรปรวนมากกว่า ยังคงเป็นปริศนาสำคัญ

นูร์ ราวาฟี นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการ กล่าวว่า "สิ่งที่ยังไม่รู้คือ ลมสุริยะก่อตัวขึ้นและหลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงมหาศาลของดวงอาทิตย์ได้อย่างไร การทำความเข้าใจลมสุริยะความเร็วต่ำเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง แต่ด้วยยาน Parker Solar Probe เราเข้าใกล้การค้นพบคำตอบมากกว่าที่เคย"

ข้อมูลระยะใกล้จากยานยืนยันว่า ลมสุริยะความเร็วต่ำมี 2 รูปแบบย่อย ซึ่งเชื่อว่ามีต้นกำเนิดต่างกัน:

  1. แบบที่อาจเกิดจาก "รูโคโรนา" (Coronal Holes): บริเวณที่มืดและเย็นกว่าบนชั้นโคโรนา

  2. แบบที่อาจเกิดจาก "หมวกลม" (Helmet Streamers): โครงสร้างคล้ายวงแหวนขนาดใหญ่บนดวงอาทิตย์


NASA/Johns Hopkins APL/Steve Gribben


ภารกิจยังไม่สิ้นสุด: ก้าวต่อไปของ Parker Solar Probe


ในวงโคจรปัจจุบันที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์เพียง 3.8 ล้านไมล์ ยานจะยังคงเก็บข้อมูลต่อไปเพื่อยืนยันต้นกำเนิดของลมสุริยะความเร็วต่ำ โดยการโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งสำคัญรอบถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 15 กันยายน 2025

อดัม ซาโบ นักวิทยาศาสตร์ภารกิจ กล่าวปิดท้ายว่า "เรายังไม่มีข้อสรุปสุดท้าย แต่เรามีข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจมากมายรอการวิเคราะห์อยู่" ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการเดินทางสู่ใจกลางระบบสุริยะครั้งนี้ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง