กองทัพอากาศไทยจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ BARAK MX จากอิสราเอล มูลค่า 3.44 พันล้านบาท

เว็บไซต์ Defence Blog เทคโนโลยีด้านการทหารในต่างประเทศ เปิดเผยกองทัพอากาศไทยประกาศจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ BARAK MX จากบริษัท Israel Aerospace Industries (IAI) ของอิสราเอล ภายใต้โครงการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการ (IADS) เพื่อยกระดับการป้องกันฐานที่ตั้งสำคัญของประเทศ

สัญญาจัดซื้อมีมูลค่า 3.44 พันล้านบาท หรือราว 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วยระบบ BARAK MX ครบหนึ่งชุด ถือเป็นขีดความสามารถด้านป้องกันภัยทางอากาศที่ล้ำสมัยที่สุดของไทยในปัจจุบัน

ตามข้อมูลประกาศอย่างเป็นทางการ ระบบ BARAK MX ถูกคัดเลือกเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศยุคใหม่ ทั้งโดรน ขีปนาวุธพิสัยไกล และอาวุธปล่อยนำวิถีประเภทต่าง ๆ โดยระบบ HIMAD (High to Medium Air Defense) นี้จะเข้ามาทดแทนระบบรุ่นเก่า พร้อมเสริมชั้นป้องกันหลายระดับให้กับพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ

BARAK MX เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศเชิงเครือข่ายแบบแยกส่วนที่สามารถสกัดกั้นภัยคุกคามได้หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ขีปนาวุธร่อน UAV ไปจนถึงขีปนาวุธข้ามทวีป ระบบนี้ผ่านการทดสอบในการรบจริงระหว่างปฏิบัติการ “Rising Lion” ของอิสราเอลเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งสามารถสกัดกั้นการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิหร่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กองทัพอากาศไทยระบุว่า การจัดซื้อครั้งนี้สะท้อนยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อรับมือภัยคุกคามทางอากาศสมัยใหม่ โดยให้ความเห็นว่า “กองทัพอากาศต้องเตรียมพร้อมต่อภัยคุกคามในอนาคต ด้วยการจัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเพื่อเสริมการป้องกันทางอากาศ ซึ่งขีดความสามารถปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในการรับมือภัยคุกคามใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การตัดสินใจลงทุนในระบบ HIMAD เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลด้านความมั่นคงในภูมิภาค ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาและเมียนมากำลังจัดหาหรือมีขีดความสามารถโจมตีระยะไกล อาทิ ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ของจีน (พิสัย 130 กม.) และขีปนาวุธพิสัย 300–700 กม. ตระกูล Scud ของเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกัน การแพร่หลายของ UAV อาวุธทุ่นระเบิดสถิต (Loitering munitions) และขีปนาวุธร่อน ยังเพิ่มความจำเป็นต่อการมีระบบสกัดกั้นที่เชื่อถือได้

มีรายงานเพิ่มเติมว่า กองทัพบก และ กองทัพเรือ ก็กำลังพิจารณาระบบ BARAK MX สำหรับการจัดซื้อในอนาคต ซึ่งอาจนำไปสู่การบูรณาการเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศร่วมกันของทั้งสามเหล่าทัพในอนาคตด้วย