รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
6 กุมภาพันธ์ 2566 ( 09:38 )
30
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มตลาดวันนี้ SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,680-1,695 จุด บรรยากาศการลงทุนค่อนมาในทางลบเล็กน้อยหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง ตอบรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน ม.ค. ออกมาสูงกว่าคาดมากและเร่งขึ้นเป็น 5.17 แสนตำแหน่ง ส่งผลให้อัตราว่างงานลดลงเหลือ 3.4% ต่ำสุดตั้งแต่ปี 1969 ขณะที่ค้าจ้างแรงงาน +0.3% m-m, +4.4% y-y ใกล้เคียงคาด ซึ่งจากตัวเลขที่ออกมาสะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังตึงตัวและมีโอกาสทำให้เงินเฟ้อยังปรับตัวลงช้า ตลาดจึงเริ่มปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยของ FED จากเดิมที่คาด Peak ที่ 4.75-5% ขึ้นเป็น 5-5.25% ส่งผลให้ Dollar Index พลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้งและเม็ดเงินไหลออกจากทุกสินทรัพย์ 

 

ส่วนในประเทศวันนี้จับตาเงินเฟ้อเดือน ม.ค. ตลาดคาด Headline +5.12% y-y ส่วน Core +3.1% y-y ด้านราคาน้ำมันดิบปรบัตัวลงต่อเนื่องเราคาดว่ายังเป็นบวกต่อกลุ่ม Anti-Commodity และ Consumption Play ให้ยังปรับตัวดีกว่าตลาด ขณะที่การประกาศกำไร 4Q22 ของบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยออกมาหนาตามากขึ้น ยังมองจังหวะอ่อนตัวของดัชนียังมองเป็นโอกาสทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 4Q22 แข็งแรง

 

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้น 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือนก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE

 

หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI

• แนะนำ “เก็งกำไร” มีแนวโน้มปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากปัจจุบันที่ 12.50 บาท

• แนวโน้มกำไร 4Q22 อาจดีกว่าคาดราว 7-10% มีลุ้นโต q-q  ทั้งที่ปกติเป็น Low Season ของธุรกิจ แต่เครื่องดื่ม Tansansu ได้รับการตอบรับที่ดีกว่าคาด

• โดยเตรียมออกรสชาติใหม่ หลังขยายไปร้านค้าปลีกอื่นที่ไม่ใช่ 7-11 เพิ่ม น่าจะช่วยหนุนรายได้ใน 1Q23 ที่กำลังเข้าสู่ช่วง High season อีกครั้ง กอปรกับจะเริ่มรับรู้ต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ถูกลง เริ่มเห็น Upside ต่อกำไรปี 2023 จากปัจจุบันคาดไว้ 730 ลบ. +30% y-y

• แนวรับ 12.30//11.80 บาท แนวต้าน 12.70-13//14 บาท

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัขนี SET ทรงในกรอบแนวรับ 1,670 – 1,680 แนวต้าน 1,695 แนะนำซื้อเก็งกำไร ERW,CENTEL,MINT,AAV,BAFS (+กรุ๊ปทัวร์จีนเข้าไทย)/ MTC,RS,HMPRO,ICHI (+อุปสงค์สินเชื่อ & การบริโภคฟื้นตัว)

 

ERW* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.10 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 มีโอกาสพลิกเป็นบวกหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ ขยายตัวได้ดีทั้งในแง่ของ RevPar และ Occ rate ขณะที่ Budget Hotel – Hop Inn ทยอยฟื้นตัวตาม Domestic Demand ทำให้ราคาห้องพักเฉลี่ยขยับเข้ามาใกล้ระดับ Pre-Covid ส่วนในช่วง 1Q66 ยังเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก China Reopening โดยประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 66 อาจจะสูงกว่า 25 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทสามารถพลิกเป็นกำไรได้ในปี 66

 

ILM* (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 23.50 บาท) คาดภาพการดำเนินงานได้แรงหนุนจากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 คลี่คลาย การกลับมารับรู้รายได้ค่าเช่า และการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ขณะที่ไตรมาสที่4/65 เป็น High Season และมีประเด็นเสริมจากการซ่อมแซมบ้าน(น้ำท่วม) สำหรับช่วง 1Q66 ยังจะมีปัจจัยบวกจาก ม.ช้อปดีมีคืน และ โครงการเปิดใหม่(16 ธ.ค.65) คือ โครงการLittle Walk ลาดกระบัง บนพื้นที่ 7,646 sq.m. ประกอบด้วย ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม และบริการต่างๆ กว่า 40 ร้านค้า รวมถึง INDEX  LIVING MALL สาขาลาดกระบัง พื้นที่ 4,000 sq.m. ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี65 และ66 กำไรสุทธิของ ILM* จะสามารถขยายตัวได้โดดเด่นมาอยู่ที่ระดับ 645 ลบ. (+42%YoY) และ 693 ลบ.(+8%YoY) ตามลำดับ  

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1675-1700 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,688.36 จุด /+0.41%) ตลาดหุ้นไทยยังคง Sidewayการประชุม FOMC ที่ผ่านมาไม่มี Surprise แต่ นักลงทุนรอดูให้ชัดเจนว่า ทิศทางเศรษฐกิจ+ผลประกอบการบริษัทในตลาดจะเป็นอย่างไร

 

การเปิดเมืองของจีน ยังไม่สร้าง Demand ให้เห็นได้ชัดเจน ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน มี เรื่อง Balloon สอดแนมเข้ามา และรอดูการเยือนจีนของ รมต. ต่างประเทศ 5-6 ก.พ.

 

ตลาดหุ้นไทยยังเพิ่มเริ่มทยอยส่งงบ หุ้นดีคาดว่ากำไรจะออกมาดี หรือมีปัจจัยเฉพาะจะเป็น ตัวช่วยหนุนตลาด 

 

อย่างไรก็ยังคงต้องจับตาความคืบหน้าทางการเมืองเรื่อย ๆ

 

หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์นี้

• ดัชนีฯ ยังไม่ผ่านระดับ 1690จุด ทำให้การลงทุนยังต้องเน้นกรอบเวลาสั้นๆ ขณะที่นักลงทุน ต่างชาติ ยังมีการขายอยู่ประปราย

• Sector ที่คาด จะได้รับความสนใจ จะเป็นแนวกลุ่ม Tech ตามต่างประเทศ (KCE, HANA) รวมถึงหุ้นที่ราคาลงมาลึกอย่างกลุ่มการเงิน (TIDLOR) และกลุ่มที่เป็น Domestic Play (GLOBAL, HMPRO, ADVANC)

• หุ้น size เล็ก-กลาง ราคาลงมาลึก JMT, CKP

 

 • พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น PLUS, WHA ออกจากพอร์ต เพิ่มหุ้น EA, BBIK เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย  EA(10%), BBIK(10%),  CRC(15%), KTC(15%), GLOBAL(15%),  NEX(15%)

 

BBIK: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 145.00 บาท) “จับตา Deal M&A ตั้งเติบโตต่อไม่น้อยกว่า 50% ในปี 2023”

• BBIK ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2023 100%YoY จาก Organic และ Inorganic Growth ติดตามการประกาศดีล M&A ระหว่างปี

• งาน Consulting กลุ่ม New Business อาทิ Virtual Banking, Carbon Credit และการพัฒนา Application ใหญ่อย่าง All in one ของกลุ่ม OR จะมีความคืบหน้ามากขึ้นใน 2Q23E (ทยอยรับรู้รายได้) ส่วน Backlog ณ 4Q22E อยู่ที่ 600 ลบ. 

• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 130 ลบ. และ 252 ลบ. +96%YoY, +84%YoY ตามลำดับ

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง