รีเซต

ผู้ผลิตไวน์สเปนในตำนาน เตรียมย้ายไร้องุ่นหนีวิกฤตอากาศ

ผู้ผลิตไวน์สเปนในตำนาน เตรียมย้ายไร้องุ่นหนีวิกฤตอากาศ
TNN ช่อง16
21 พฤษภาคม 2568 ( 10:00 )
6

บริษัทผู้ผลิตไวน์ชื่อดังของยุโรป “Familia Torres” ซึ่งดำเนินกิจการในแคว้นกาตาลุญญาของสเปนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1870 กำลังเผชิญแรงกดดันจากวิกฤตภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการเพาะปลูกองุ่นอย่างรุนแรง โดยบริษัทเตือนว่าในอีก 20–30 ปีข้างหน้า อาจจำเป็นต้องยุติการทำไร่องุ่นในพื้นที่ดั้งเดิม เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและความแห้งแล้งที่ทวีความรุนแรง


ตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา พื้นที่เพาะปลูกหลักอย่างเขตเปเนเดส (Penedès) มีอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 1 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ช่วงเก็บเกี่ยวองุ่นต้องเลื่อนขึ้นเร็วกว่าที่เคยประมาณ 10 วัน ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคุณภาพของไวน์โดยตรง และทำให้ผู้ผลิตต้องใช้เทคนิคใหม่ในการชะลอการสุกขององุ่นเพื่อคงรสชาติและคุณลักษณะตามแบบดั้งเดิม


ในความพยายามที่จะปรับตัว Familia Torres ได้ลงทุนติดตั้งระบบชลประทานทั้งในสเปนและแคลิฟอร์เนีย พร้อมขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังภูมิประเทศที่มีระดับความสูงมากขึ้น เช่น เมืองเทรมป์ (Tremp) ในเทือกเขา Pre-Pyrenees ที่ระดับความสูง 950 เมตร และเมืองเบนาแบร์เร (Benabarre) ใน Pyrenees แคว้นอารากอน ที่ระดับความสูง 1,100 เมตร แม้ปัจจุบันพื้นที่เหล่านี้ยังหนาวเกินกว่าจะปลูกองุ่นได้ แต่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่สำรองในอนาคต

แม้ปีนี้สถานการณ์จะดีขึ้นเล็กน้อยจากฝนในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ แต่ความชื้นที่เพิ่มขึ้นกลับนำไปสู่ความเสี่ยงของโรคใบไหม้ (mildew) ที่อาจทำลายผลผลิตไวน์ ขณะที่ปี 2023 ถือเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยบางพื้นที่มียอดผลิตลดลงถึง 50%



Familia Torres ยังต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการรับมือภัยแล้ง เช่น ระบบชลประทาน และภาษีที่สูงขึ้นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ซึ่งกำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มเติม และเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์ที่สูงเป็นพิเศษสำหรับขวดแก้ว ส่งผลให้ยอดส่งออกไปอังกฤษลดลงประมาณ 10% และแทบไม่สามารถทำกำไรในตลาดนี้ได้


เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ บริษัทจึงมีแผนจะนำไวน์บางประเภทที่มีราคาถูกกว่ามาบรรจุขวดในสหราชอาณาจักรโดยตรง เพื่อประหยัดต้นทุนขนส่ง โดยการนำเข้าไวน์จำนวนมากในถังแท็งค์จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้มากกว่าการส่งขวดสำเร็จรูป

Familia Torres ยังคงเดินหน้าลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ด้วยการจัดสรรกำไรถึง 11% ต่อปีเพื่อพัฒนาแนวทางป้องกันและปรับตัวต่อวิกฤตภูมิอากาศ แต่ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศกำลังคุกคามความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไวน์แบบดั้งเดิมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง


กรณีของ Familia Torres สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่ชัดเจนของวิกฤตภูมิอากาศต่ออุตสาหกรรมเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกพืชที่อาศัยสภาพอากาศที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง เช่น ไวน์ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและฤดูกาลเก็บเกี่ยวสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพและปริมาณผลผลิตได้ การย้ายพื้นที่เพาะปลูกไปยังที่สูงขึ้นหรือภูมิภาคที่เย็นกว่าถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ผลิตไวน์หลายรายกำลังดำเนินการเพื่อปรับตัว แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น การใช้พื้นที่ใหม่ต้องผ่านการทดลองและพัฒนาวิธีการปลูกใหม่ รวมทั้งอาจมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ๆ นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากการติดตั้งระบบชลประทานและการจัดการปัญหาโรคพืช กดดันให้ผู้ผลิตต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย เช่น การเปลี่ยนวิธีการบรรจุขนส่ง เพื่อลดภาระด้านโลจิสติกส์ แต่ก็อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาว


สุดท้ายนี้ กรณีของ Familia Torres ยังสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนและนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรักษาอุตสาหกรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีคุณค่าทางวัฒนธรรมนี้ไว้ได้ในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง