รีเซต

มหาอุทกภัยถล่มเอเชีย! เสียชีวิตพุ่งกว่า 1,000 ราย

มหาอุทกภัยถล่มเอเชีย!  เสียชีวิตพุ่งกว่า 1,000 ราย
TNN ช่อง16
2 ธันวาคม 2568 ( 10:30 )

ผู้สื่อข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการศรีลังกา อินโดนีเซีย และไทย เร่งเคลียร์ซากปรักหักพังและค้นหาผู้สูญหายหลายร้อยคน หลังเกิดอุทกภัยและดินถล่มครั้งใหญ่ทั่วภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วมากกว่า 1,000 ราย

สถานการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดของผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ที่ทำให้รูปแบบพายุและสภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงขึ้น โดยฝนที่ตกหนัก ต่อเนื่องและได้รับแรงเสริมจากพายุโซนร้อน ทำให้หลายพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จมอยู่ใต้น้ำ ประชาชนจำนวนมากติดค้าง ขาดที่พัก และเสบียงจำเป็น


ศรีลังกาเผชิญภัยพิบัติร้ายแรงสุดในรอบ 20 ปี

ที่ศรีลังกา ทางการเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่มซึ่งเป็นผลจากอิทธิพลของไซโคลน “ดิตวะฮ์” เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นอย่างน้อย 334 รายเมื่อวันอาทิตย์ (30 พ.ย.) ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก และพื้นที่ลุ่มต่ำในกรุงโคลัมโบยังคงถูกน้ำท่วมขัง

เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ นับจากเหตุการณ์สึนามิปี 2547 ที่คร่าชีวิตประชาชนราว 31,000 คน และทำให้ชาวศรีลังกากว่าล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย

ประธานาธิบดี “อนุระ กุมาระ ดิสสานนายะ” ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลจะเดินหน้าฟื้นฟูประเทศด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และมุ่งสร้างประเทศให้ดีกว่าเดิม โดยประเมินว่านี่คือหนึ่งในภัยธรรมชาติที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ของศรีลังกา

ทางการระบุว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มลดลงในบางพื้นที่ ความเสียหายบริเวณเขตตอนกลางซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด เริ่มปรากฏชัดเจน เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์ถนนที่ถูกตัดขาดจากต้นไม้ และดินถล่มได้มากขึ้น ประชาชนกว่า 148,000 คนต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว

ในเขตชานเมืองกรุงโคลัมโบ เส้นทางคมนาคมหลายแห่งยังถูกน้ำท่วม รถทหารต้องลุยน้ำเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ส่วนที่เมืองมนัมปิติยะห่างจากโคลัมโบไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 250 กิโลเมตร เมื่อน้ำลดลงทำให้เห็นความเสียหายรุนแรงต่อบ้านเรือนและธุรกิจในพื้นที่ ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าว่า เมืองนี้เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก แต่ไม่เคยเห็นปริมาณน้ำมากขนาดนี้มาก่อน

อินโดนีเซียดับแล้วอย่างน้อย 442 ศพ หลายพื้นที่ยังเข้าถึงไม่ได้

ที่อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 442 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 402 คน จากน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มบนเกาะสุมาตรา ขณะที่หน่วยกู้ภัยพยายามเข้าถึงชุมชนที่ถูกตัดขาด ซึ่งมีประชาชนหลายพันคนติดอยู่โดยขาดแคลนเสบียงจำเป็น

ในเมืองปาดัง เมืองเอกของจังหวัดสุมาตราตะวันตก ชาวบ้านจำนวนมากสูญเสียบ้านเรือนและกิจการเล็กๆ ของตนเอง หลายครอบครัวต้องตั้งเต็นท์อาศัยอยู่ข้างซากกำแพงบ้านที่เหลืออยู่เพียงบางส่วน โดยเล่าว่าน้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านอย่างรวดเร็วจนต้องหนีออกมา และเมื่อกลับไปจึงพบว่าบ้านถูกทำลายแทบไม่เหลือเค้าเดิม

เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียยอมรับว่า บางพื้นที่บนเกาะสุมาตรายังคงไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้การประเมินความเสียหายยังไม่ครบถ้วน กองทัพเรือได้ส่งเรือรบ 2 ลำจากกรุงจาการ์ตาเพื่อขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังจุดที่มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนบางส่วนประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มสะอาด หลังฝนหลากทำให้เกิดดินถล่มตัดขาดถนน และเสาโทรคมนาคมหักโค่น 

รายงานข่าวระบุว่า มีกรณีประชาชนบุกเข้าไปในร้านค้าเพื่อหยิบอาหารและของใช้ เนื่องจากความล่าช้าในการนำสิ่งของช่วยเหลือเข้าพื้นที่ ตำรวจภูมิภาคต้องส่งกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมชี้แจงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ความช่วยเหลือจากรัฐจะเดินทางไปถึง และชาวบ้านมีความกังวลว่าจะอดอยากหากไม่รีบหาของยังชีพด้วยตนเอง


ไทยเสียชีวิตแล้วเกือบ 200 ราย เจอเสียงวิจารณ์รับมือไม่ทัน

สถานการณ์ที่ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 176 ราย ถือเป็นหนึ่งในเหตุอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ

หน่วยงานของรัฐยังคงเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและซ่อมแซมความเสียหาย มาตรการเยียวยาเบื้องต้นรวมถึงการจ่ายเงินชดเชยแก่ครัวเรือนที่มีสมาชิกเสียชีวิต และช่วยเหลือผู้ที่บ้านเรือนพังเสียหาย อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนมากขึ้นต่อการเตรียมการและการรับมือน้ำท่วมของภาครัฐ 

ในเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา น้ำที่เริ่มลดระดับลงเผยให้เห็นถนนหนทางที่ยังเต็มไปด้วยโคลน รถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนมากได้รับความเสียหายหนัก บ้านเรือนและร้านค้าหลายแห่งต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟู

มรสุม-พายุรุนแรงขึ้น จากผลกระทบวิกฤตภูมิอากาศ

โดยปกติ ฤดูมรสุมประจำปีในภูมิภาคนี้จะอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นระยะ และมักก่อให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันอยู่แล้ว แต่ปีนี้พายุโซนร้อนที่เกิดร่วมกับลมมรสุมได้ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเป็นพิเศษ ยอดผู้เสียชีวิตในอินโดนีเซียและไทยครั้งนี้ถือว่าสูงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปีจากเหตุอุทกภัย

นักวิชาการด้านภูมิอากาศเตือนว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญมีส่วนทำให้รูปแบบพายุเปลี่ยนแปลง ทั้งระยะเวลาของฤดูฝน ความรุนแรงของฝนที่ตกในแต่ละช่วง และความแรงของลม ทำให้มีโอกาสเกิดฝนตกหนักแบบฉับพลัน น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วเอเชีย

ในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบ ปัญหาที่ดินเสื่อมโทรม การบุกรุกพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม และโครงสร้างพื้นฐานระบายน้ำที่ไม่ทันต่อการขยายตัวของเมือง ยังซ้ำเติมให้ความเสียหายขยายวงกว้างขึ้น


ภารกิจเร่งด่วนคือค้นหาผู้สูญหาย–ฟื้นฟูชีวิตผู้ประสบภัย

ขณะนี้ภารกิจเร่งด่วนของทั้งศรีลังกา อินโดนีเซีย และไทย คือการค้นหาผู้สูญหายให้ได้มากที่สุด และจัดหาที่พักชั่วคราว อาหาร น้ำสะอาด และบริการทางการแพทย์แก่ผู้ประสบภัย หลายพื้นที่ยังต้องรอการเคลียร์ถนนและซ่อมแซมระบบสื่อสารเพื่อให้รถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปถึง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า หลังผ่านพ้นภาวะฉุกเฉินไปแล้ว งานที่ยากไม่แพ้กันคือการวางนโยบายระยะยาว ทั้งเรื่องผังเมือง โครงสร้างพื้นฐาน และการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์น้ำท่วม-ดินถล่มคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมากเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง