รีเซต

ราคากาแฟพุ่งสูงต่อเนื่อง ภัยโลกร้อนกระหน่ำผู้บริโภค

ราคากาแฟพุ่งสูงต่อเนื่อง ภัยโลกร้อนกระหน่ำผู้บริโภค
TNN ช่อง16
2 ธันวาคม 2568 ( 08:55 )

กาแฟ เครื่องดื่มที่ผู้คนนับล้านดื่มทุกวัน กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากวิกฤตสิ่งแวดล้อม ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความต้องการด้านความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมกาแฟกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ขณะที่ความต้องการทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยภายนอกทั้งจากสภาพภูมิอากาศและความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์กลับส่งผลกระทบต่อการผลิตและดันราคาขึ้นสูง

 

รายงาน The Changing Coffee Landscape ของ Statista ระบุว่าราคากาแฟพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากการเกิดวิกฤตสภาพอากาศ ความล่าช้าในการขนส่ง และนโยบายการค้ารูปแบบใหม่ โดยเฉพาะกาแฟอาราบิก้า ซึ่งมีความไวต่อสภาพอากาศสูง ต้องการอุณหภูมิเฉลี่ย 18–21 องศาเซลเซียส ความชื้นและฝนที่เหมาะสม แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลับทำให้เงื่อนไขเหล่านี้ไม่เสถียร ผลการศึกษาประเมินว่ากว่า 50% ของพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกอาราบิก้าในปัจจุบันอาจไม่เหมาะสมภายในปี 2050 และในกรณีเลวร้ายที่สุด พื้นที่สูญเสียอาจสูงถึง 59.5%

ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่ทฤษฎีอีกต่อไป ประเทศผู้ผลิตหลักอย่างบราซิลและเวียดนามได้เผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ในปี 2022 บราซิลเสียผลผลิตมากจากภัยแล้งและน้ำค้างแข็ง แม้ว่าปี 2023 จะฟื้นตัวบางส่วน แต่ปี 2024 ก็พบฝนตกหนักและน้ำท่วมอีกครั้ง ส่วนเวียดนามประสบภัยแล้งรุนแรงและมีการละทิ้งพื้นที่ปลูกบางส่วนเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผลผลิตโรบัสตาลดลง

 

นอกจากผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมแล้ว ภูมิรัฐศาสตร์ก็มีบทบาทสำคัญต่อราคากาแฟเช่นกัน สงครามยูเครนทำให้ราคาปุ๋ยพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบเกษตรสำคัญ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในละตินอเมริกา เอเชีย และแอฟริกาสูงขึ้น อีกทั้งการโจมตีเรือการค้าที่ทะเลแดงและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบราซิลก็ทำให้เส้นทางการขนส่งล่าช้าและค่าขนส่งสูงขึ้น โดยสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษี 50% สำหรับสินค้าบราซิลหลายชนิดรวมถึงกาแฟในเดือนสิงหาคม 2025 ผลที่ตามมาคือราคากาแฟทั้งสองประเภทหลักเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี 2020–2024 ราคากาแฟโรบัสตาเพิ่มขึ้นสามเท่า ส่วนอาราบิก้าพุ่งขึ้นสองเท่า ทั้งนี้เพราะผลผลิตลดลง ต้นทุนโลจิสติกสูงขึ้น และความต้องการยังคงไม่ลดลง แม้ราคาจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างน่าประหลาดใจ ความต้องการกาแฟยังคงเติบโตทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดใหม่ เช่น อิหร่าน อูกันดา บุรุนดี ปานามา และจีน ซึ่งความนิยมส่วนหนึ่งเกิดจากความสนใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ในประสบการณ์ทางสังคมและความหลากหลายของรสชาติ

เพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผู้ผลิตมีสองแนวทางหลักคือ ย้ายพื้นที่ปลูกไปสูงขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิ แต่ต้องเผชิญข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ หรือเปลี่ยนอาราบิก้าเป็นโรบัสต้า ซึ่งทนต่อความร้อนและแล้งได้ดี แต่คุณค่าทางการตลาดต่ำกว่า นอกจากนี้ กฎของสหภาพยุโรปเรื่องการห้ามนำเข้ากาแฟจากพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า จะเริ่มมีผลในปี 2026 ทำให้ผู้ผลิตต้องลงทุนในระบบติดตามแหล่งผลิต ส่งผลเพิ่มต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน

 

ด้านความยั่งยืนและการรับรอง ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น แม้ว่ากาแฟออร์แกนิกและ Fairtrade จะยังไม่ครองตลาดเต็มที่ แต่ชื่อเสียงและความเชื่อถือเพิ่มขึ้น โดย 26% ของผู้บริโภคยอมจ่ายเพิ่มสำหรับกาแฟออร์แกนิก และ 24% สำหรับกาแฟ Fairtrade


 ราคากาแฟในปี 2025 อาจมีการปรับตัวเล็กน้อยหากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายหรือผลผลิตฟื้นตัว แต่ภาพรวมยังท้าทาย ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้น การผลิตที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม กาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่มอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความตึงเครียดระดับโลกและความท้าทายของการบริโภคสมัยใหม่ ผู้เล่นในตลาดต้องปรับตัวด้วยนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และความยั่งยืน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างราคา คุณภาพ และการเข้าถึงของผู้บริโภค

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง