เล็งออกกฎห้าม "ปิ้งย่าง" ให้ชงกาแฟ-ต้มบะหมี่เท่านั้น

วันนี้( 21 มี.ค.64) นายดำรัส โพธิ์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ทางกรมฯมีแนวคิดที่จะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวที่ไปพักค้างแรม ปรุงอาหารประเภทอาหารที่มีกลิ่นและอาหารปิ้งย่าง ภายในบริเวณลานกางเต็นท์ที่พัก เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการรบกวนเต็นท์ข้างๆและกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ทำอาหาร

นายดำรัส บอกว่า สาเหตุที่จะมีการออกกฎแบบนี้ เพราะได้ประเมินพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแล้ว พบส่วนใหญ่จะนำเอาอุปกรณ์ทำครัว เช่น เตาปิ้งย่าง ไปทำอาหารด้วย ซึ่งหากทุกเต็นท์ทำอย่างนี้หมดจะทำให้เกิดมลภาวะ และอาจสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นที่ไม่ได้นำอุปกรณ์ทำอาหารมา รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดกรณีช้างป่าเดินเข้ามาในบริเวณจุดกางเต็นท์ เพราะได้กลิ่นอาหารเพราะช้างอาจจะมาทำลายทรัพย์สิน หรืออาจทำอันตรายนักท่องเที่ยวได้ โดยกรมอุทยานฯ จะประกาศ ให้งดกิจกรรมเหล่านี้ในเร็วๆนี้

ส่วนข้อสงสัย กรณีที่หากไม่ให้นักท่องเที่ยวทำอาหาร แล้วจะให้ไปกินอาหารที่ไหน นายดำรัส บอกว่า มี 3 แนวทางคือ  

1. จะจัดพื้นที่สำหรับปรุงอาหาร และรับประทานอาหารเป็นการเฉพาะ คือ นักท่องเที่ยวจะสามารถปรุงอาหารได้ในบริเวณที่อุทยานฯ กำหนดเอาไว้เท่านั้น  

2. จะสั่งการให้ทุกอุทยานฯ เตรียมร้านสวัสดิการไว้บริการนักท่องเที่ยวให้พอเพียง 

3. หากอุทยานไหนที่ไม่มีความพร้อม จะให้เอกชนมาเช่าเพื่อเปิดบริการร้านอาหารแก่ประชาชน แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอุทยานแห่งชาติ แต่จะให้รับประทานอาหารเป็นเวลา เช่น 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่มเท่านั้น 

หลังจากนั้นทุกอย่างต้องจบ เมื่อกลับไปถึงเต็นท์ ะต้องไม่ทำกิจกรรม ปิ้งย่าง อาหารกลางดึกจะได้ไม่ทำลายบรรยากาศของการท่องเที่ยว  

สำหรับกรณี ต้มน้ำร้อน ต้มไข่ ต้มบะหมี่ ชงกาแฟ หุงข้าว ยังสามารถทำได้ เพราะไม่มีกลิ่นรบกวน แต่ถ้าเป็น ปิ้งย่าง ทอดไข่ ผัดกะเพรา มองว่าจะกระทบกับคนอื่นแน่ๆ   

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า ข้อห้ามเหล่านี้ จะทำให้เสียบรรยากาศของแคมปิ้งในอุทยานหรือไม่ นายดำรัส บอกว่า หากจะทำกิจกรรมอะไรแล้วส่งผลกระทบกับคนอื่นก็ไม่ไหว และอย่าลืมอุทยานฯจะต้องเป็นต้นแบบในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ ปัญหาขยะเพราะที่ผ่านมา ขนาดมีการเตือนแล้วก็ยังพบขยะถูกทิ้งไว้บริเวณเต็นท์เป็นจำนวนมาก