CK โบรกฯ ชี้แกร่งสุดในกลุ่ม คาด Q3/66 ทำนิวไฮปีจาก CKP
#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่องหุ้น CK กำไรปกติ Q3/66 ที่ 666 ลบ. (+37.0% QoQ, +16.6% YoY) คาดเป็นระดับสูงสุดของปี คาดรายได้ที่ 9,114 ลบ. (-1.1% QoQ, +148.8% YoY) ทรงตัว QoQ (รับรู้รายได้โครงการหลวงพระบางลดลง QoQ เพราะเป็นฤดูฝน แต่ได้รับรู้โครงการอื่นๆ ชดเชย) แต่เติบโตเด่น YoY จากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง และจะรับรู้รายได้ปันผลจาก TTW ที่ 232 ลบ. ขณะที่ GPM คาดชะลอลงเล็กน้อยเป็น 7.2% จาก 7.4% ใน Q2/66 จากการรับรู้รายได้โครงการที่มีอัตราการทำไรสูงน้อยลง อย่างไรก็ดีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดทำระดับสูงสุดของปีที่ 589 ลบ. (+130.7% QoQ, -20.0% YoY) จาก CKP 264 ลบ. ที่เป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก BEM คาดทรงตัว QoQ ที่ 325 ลบ.
แนวโน้ม Q4/66 อาจชะลอลง QoQ ตามฤดกูาล แต่ธุรกิจหลับเหมาโตเด่น YoY
ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มผลประกอบการใน Q4/66 จะชะลอลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่จะไม่มีรายได้ปันผลรับจาก TTW (ปกติจะรับรู้ใน Q2-Q3) และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ลดลง QoQ หลังผ่านพ้นช่วง High Season ของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ อย่างไรก็ตามธุรกิจรับเหมาก็สร้างคาดจะยังทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และจะยังเติบโตเด่น YoY จากปีก่อนที่ยังไม่รับรู้รายการโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (มูลค่าโครงการราว 9.98 หมื่นลบ.)
ปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ขึ้นสะท้อน Backlog ที่อยู่ในระดับสูง
มีมุมมองบวกมากขึ้นต่อธุรกิจรับเหมาฯของ CK ที่มี Backlog อยู่ในระดับสูง โดย ณ สิ้น Q2/66 อยู่ที่ 1.43 แสนลบ. (ไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่รอความชัดเจน) ทำให้เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไปอีก 4-5 ปีจากนี้ และไม่ต้องกดดันในการหางานที่มี GPM ต่ำมาเติบ Backlog และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกในปี 2567 จากการประมูลโครงการใหม่ของรัฐฯ ฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ขึ้น 19.4% และ 17.8% เป็น 1,522 ลบ. (+72.5% YoY) และ 2,044 ลบ. (+34.3% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานรายได้ขึ้นตามปริมาณ Backlog ที่สูงขึ้น
พื้นฐานแกร่งสุดในกลุ่ม ... รอติดตามการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 อิงวิธี SOTP ( มูลค่าธุรกิจรับเหมาฯ ที่ 3.50 บาท อิง PER ที่ 22 เท่า, Holding discount 50% จากสัดส่วนการถือหุ้นใน BEM ที่ 17.20 บาท, CKP 2.90 บาท และ TTW ที่ 2.40 บาท) โดยฝ่ายวิจัยลด PER ในการประเมินมูลค่า และเพิ่ม Holding discount ขึ้นเพื่อเพิ่มความระมัดระวังต่อความผันผวนของตลาด ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 26.00 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อรองานโครงการใหม่ๆ ที่คาดจะมีการประมูลมากขึ้นในปี 2567