รีเซต

NER ลั่นไม่กระทบเป้า EUDR เลื่อนบังคับใช้

NER ลั่นไม่กระทบเป้า EUDR เลื่อนบังคับใช้
ทันหุ้น
23 ธันวาคม 2568 ( 02:30 )

               นายชูวิทย์  จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ถึงกรณีที่สหภาพยุโรปเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ออกไป อีก 1 ปี  โดยกำหนดการใหม่ระบุให้ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2569 และธุรกิจขนาดเล็กในวันที่ 30 มิถุนายน 2570 นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้หรือประมาณการต่างๆ ของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากในการทำแผนงานและประมาณการทางธุรกิจที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้ใส่ปัจจัยเรื่องรายได้จาก EUDR  เข้าไปในแผนงานหลัก

               ส่วนสาเหตุที่ของการเลื่อนบังคับใช้ อาจมาจากสถานการณ์ผู้ซื้อในปัจจุบันอาจไม่สามารถรับภาระต้นทุนสินค้าที่มีราคาแพงขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นจากการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) อาจกลายเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับผู้ซื้อและผู้ผลิตบางกลุ่ม

@ เปอร์เซ็นต์ส่วนต่างอาจไม่สูงถึง 15%

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ส่วนต่างราคา (Premium) โดยระบุว่า แม้จะมีการบังคับใช้ EUDR จริง แต่เปอร์เซ็นต์การได้ส่วนต่างราคาอาจจะไม่สูงถึง 15% เหมือนที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ในอดีต ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนต้องระมัดระวังในการประเมินมูลค่าเพิ่มจากกฎเกณฑ์ใหม่นี้

อย่างไรก็ดี NER ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องรายการผลิตตามมาตรฐาน EUDR ไว้เรียบร้อยแล้วทุกขั้นตอนและผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมดแล้ว โดยบริษัทได้ดำเนินการเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงมิถุนายน 2568 แล้ว ซึ่งหาก EU ไม่มีการเลื่อนบังคับใช้ บริษัทสามารถเริ่มส่งมอบสินค้าได้ทันทีในเดือนธันวาคม 2568 เพราะบริษัทต้องเริ่มทำการขายล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเพื่อให้สอดคล้องกับรอบการส่งมอบ

@ ดีมานด์ดีต่อเนื่อง

               นายชูวิทย์ ระบุสถานการณ์ธุรกิจยางก่อนหน้านี้ว่า ดีมานด์ของตลาดสินค้ายางพารามีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น จากทั้งภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มยานยนต์  การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง สอดคล้องกับที่ NER ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

               สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/2568 ประเมินว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี และคาดการณ์ว่าผลประกอบการน่าจะดีกว่าไตรมาส 3/2568 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี 2568 ขณะที่ยอดขายคงใกล้เคียงเดิม โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าถึงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2569 แล้ว

                ขณะที่บริษัทสามารถดำเนินการได้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในระยะถัดคาดว่าจะสามารถเดินทำการผลิตได้จากโรงงานแห่งใหม่ภายในไตรมาส 4/2569 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตัน

                 ด้านแผนขยายตลาดในต่างประเทศก็สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง อินเดีย จีน รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่จากสหรัฐ ที่คาดว่าจะมีออเดอร์ประมาณ 2,000 ตันต่อเดือน

@ เป้า 6.25 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คงแนะนำ “ซื้อ” NER โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2568จะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 3/2568 ได้หลังมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น จากผลดีของการเซ็นสัญญา รับจ้าง กยท. ผลิตยางแท่ง รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าในช่วยครึ่งปีหลัง 2568 จะจ่ายอีกประมาณ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 8%

               สำหรับความคืบหน้าการสร้างโรงงานใหม่ ล่าสุดผู้บริหารตัดสินใจเดินหน้าก่อสร้างแล้วหลังจากที่มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าอินเดียและ กยท. เข้ามา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569

ส่วนกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำไรสุทธิในปี 2568 ที่ประมาณไว้ และจากแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/2568 ที่คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้น จึงยังคงเป้ากำไรสุทธิทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อนที่ 1,863 ล้านบาท (โต 13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยยังไม่รวมเงินประกันเหตุไฟไหม้ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 180 ล้านบาท และเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.25 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง