NER ลั่นไม่กระทบเป้า EUDR เลื่อนบังคับใช้

#NER #ทันหุ้น - NER ยันเลื่อนกฎหมาย EUDR ออกไปอีก 1 ปี ไม่กระทบรายได้ เหตุไม่ได้นำปัจจัยบวกเรื่องพรีเมียม EUDR มาคำนวณแต่แรก มองเป็นเพียง "ของแถม" เผยอินไซด์ผู้ซื้อโลกยังไม่พร้อมจ่ายของแพงในภาวะเศรษฐกิจซบ ด้านโบรกมอง ไตรมาส 4/2568 ดีต่อเนื่อง เป้า 6.25 บาท
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ถึงกรณีที่สหภาพยุโรปเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ออกไป อีก 1 ปี โดยกำหนดการใหม่ระบุให้ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2569 และธุรกิจขนาดเล็กในวันที่ 30 มิถุนายน 2570 นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้หรือประมาณการต่างๆ ของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากในการทำแผนงานและประมาณการทางธุรกิจที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้ใส่ปัจจัยเรื่องรายได้จาก EUDR เข้าไปในแผนงานหลัก
ส่วนสาเหตุที่ของการเลื่อนบังคับใช้ อาจมาจากสถานการณ์ผู้ซื้อในปัจจุบันอาจไม่สามารถรับภาระต้นทุนสินค้าที่มีราคาแพงขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้นจากการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) อาจกลายเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับผู้ซื้อและผู้ผลิตบางกลุ่ม
@ เปอร์เซ็นต์ส่วนต่างอาจไม่สูงถึง 15%
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ส่วนต่างราคา (Premium) โดยระบุว่า แม้จะมีการบังคับใช้ EUDR จริง แต่เปอร์เซ็นต์การได้ส่วนต่างราคาอาจจะไม่สูงถึง 15% เหมือนที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ในอดีต ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนต้องระมัดระวังในการประเมินมูลค่าเพิ่มจากกฎเกณฑ์ใหม่นี้
อย่างไรก็ดี NER ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องรายการผลิตตามมาตรฐาน EUDR ไว้เรียบร้อยแล้วทุกขั้นตอนและผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมดแล้ว โดยบริษัทได้ดำเนินการเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงมิถุนายน 2568 แล้ว ซึ่งหาก EU ไม่มีการเลื่อนบังคับใช้ บริษัทสามารถเริ่มส่งมอบสินค้าได้ทันทีในเดือนธันวาคม 2568 เพราะบริษัทต้องเริ่มทำการขายล่วงหน้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเพื่อให้สอดคล้องกับรอบการส่งมอบ
@ ดีมานด์ดีต่อเนื่อง
นายชูวิทย์ ระบุสถานการณ์ธุรกิจยางก่อนหน้านี้ว่า ดีมานด์ของตลาดสินค้ายางพารามีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น จากทั้งภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มยานยนต์ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง สอดคล้องกับที่ NER ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/2568 ประเมินว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี และคาดการณ์ว่าผลประกอบการน่าจะดีกว่าไตรมาส 3/2568 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี 2568 ขณะที่ยอดขายคงใกล้เคียงเดิม โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าถึงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2569 แล้ว
ขณะที่บริษัทสามารถดำเนินการได้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในระยะถัดคาดว่าจะสามารถเดินทำการผลิตได้จากโรงงานแห่งใหม่ภายในไตรมาส 4/2569 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 818,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 515,600 ตัน
ด้านแผนขยายตลาดในต่างประเทศก็สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง อินเดีย จีน รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่จากสหรัฐ ที่คาดว่าจะมีออเดอร์ประมาณ 2,000 ตันต่อเดือน
@ เป้า 6.25 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คงแนะนำ “ซื้อ” NER โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2568จะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 3/2568 ได้หลังมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น จากผลดีของการเซ็นสัญญา รับจ้าง กยท. ผลิตยางแท่ง รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าในช่วยครึ่งปีหลัง 2568 จะจ่ายอีกประมาณ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 8%
สำหรับความคืบหน้าการสร้างโรงงานใหม่ ล่าสุดผู้บริหารตัดสินใจเดินหน้าก่อสร้างแล้วหลังจากที่มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าอินเดียและ กยท. เข้ามา โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569
ส่วนกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำไรสุทธิในปี 2568 ที่ประมาณไว้ และจากแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/2568 ที่คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้น จึงยังคงเป้ากำไรสุทธิทั้งปีไว้เท่าเดิมก่อนที่ 1,863 ล้านบาท (โต 13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดยยังไม่รวมเงินประกันเหตุไฟไหม้ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 180 ล้านบาท และเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม และประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.25 บาท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
