โลกจับตา “จีน” ลดก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าที่คาด แต่ลงทุนพลังงานสะอาดถล่มทลาย

ประเทศจีนได้ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจลงราว 7-10% จากระดับสูงสุด ภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า ถือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญในเวทีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เนื่องจากจีนเป็นทั้งประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด และในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดของโลก
การประกาศดังกล่าวเผยแพร่ผ่านวิดีโอบันทึกข้อความของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติด้านสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายใหม่นี้ต่ำกว่าความคาดหวังของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เคยผลักดันให้จีนลดลงถึง 30%
ที่ผ่านมา จีนกำหนดเป้าหมายว่าจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดภายใน “ราวปี 2573” แต่ผลการวิเคราะห์อิสระชี้ว่าจีนได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วเร็วกว่ากำหนดราว 5 ปี และปัจจุบันแนวโน้มการปล่อยกำลังลดลง
เป้าหมายระดับนานาชาติด้านภูมิอากาศ แม้จะไม่ผูกพันทางกฎหมาย แต่ถือเป็นแผนที่นำทางในการดำเนินการระหว่างนี้จนถึงปี 2578 ซึ่งเป็นทศวรรษสำคัญที่โลกจำเป็นต้องควบคุมภาวะโลกร้อนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น และเป้าหมายของจีนมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะการตัดสินใจของประเทศผู้ปล่อยรายใหญ่ที่สุดจะเป็นตัวกำหนดทิศทางสภาพภูมิอากาศของโลก
การประกาศครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่สหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสเป็นครั้งที่สอง และดำเนินนโยบายสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็น “การหลอกลวง”
ในทางตรงกันข้าม “สี จิ้นผิง” ย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำคือแนวทางที่ถูกต้องของโลก และแม้บางประเทศยังดำเนินนโยบายสวนกระแส แต่ประชาคมระหว่างประเทศควรมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง
การที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสยังทำให้จีนขาดคู่เจรจาสำคัญในการผลักดันเป้าหมายที่ทะเยอทะยานกว่าเดิม ต่างจากยุคของโอบามาและไบเดนที่สหรัฐฯ เคยมีบทบาทสำคัญในการจับมือกับจีนเพื่อเร่งพลังงานหมุนเวียนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
แม้เป้าหมายใหม่ของจีนจะถูกวิจารณ์ว่าขาดความทะเยอทะยาน แต่จีนยังคงก้าวล้ำกว่าประเทศอื่น ๆ อย่างมากในด้านพลังงานสะอาด โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และลมรวม 510 กิกะวัตต์ เพิ่มจากกำลังผลิตเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 1,400 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าของสหรัฐฯ ถึงห้าเท่า อีกทั้งจีนยังตั้งเป้าเพิ่มพลังงานหมุนเวียนทั้งลมและแสงอาทิตย์ให้ได้ถึง 3,600 กิกะวัตต์ภายในอนาคตอันใกล้ หรือมากกว่าที่มีเมื่อปี 2563 ถึงหกเท่า
นักวิเคราะห์ด้านภูมิอากาศมองว่า เป้าหมายของจีนอาจสร้างความผิดหวังให้กับนักอนุรักษ์ที่หวังให้จีนก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านภูมิอากาศอย่างแท้จริง แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางทางเศรษฐกิจที่จีนมีความแข็งแกร่งและพร้อมจะเป็นกำลังหลักในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
