รีเซต

ครบ 10 ปี “ข้อตกลงปารีส” ข้อตกลงเรื่องโลกร้อนที่เราทำไม่ทัน และกำลัง “ผิดนัด” โลกครั้งใหญ่

ครบ 10 ปี “ข้อตกลงปารีส” ข้อตกลงเรื่องโลกร้อนที่เราทำไม่ทัน และกำลัง “ผิดนัด” โลกครั้งใหญ่
TNN ช่อง16
12 ธันวาคม 2568 ( 11:30 )
1

แม้เป้าหมายควบคุมโลกร้อนที่ไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ที่ประเทศต่าง ๆ ตกลงกันไว้เมื่อปี 2558 จะถูกมองว่า “แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว” แต่ข้อตกลงปารีสก็ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทั้งโลกเริ่มมองเห็นปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง และร่วมมือกันเป็นรูปธรรมมากขึ้น


เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2558 ณ การประชุม COP21 กรุงปารีส ผู้นำจาก 195 ประเทศร่วมลงนามในสนธิสัญญาสภาพภูมิอากาศฉบับสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งอดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส “ฟร็องซัวส์ ออล็องด์” ถึงกับกล่าวว่า “วันที่ 12 ธันวาคม 2558 จะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้”


“ข้อตกลงปารีส” เป็นสนธิสัญญาโลกที่มีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับแรกที่รวมทุกประเทศให้เดินหน้าจัดการกับวิกฤตภูมิอากาศ โดยกำหนดกรอบร่วมกันเพื่อจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส หรืออย่างมากไม่เกิน 2 องศา เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม หากเกินจากนี้ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าจะเสี่ยงทะลุ “จุดวิกฤต” ของระบบนิเวศหลายส่วน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแบบถาวรและรุนแรง

ข้อตกลงนี้ยังบังคับให้ทุกประเทศต้องส่งแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง หรือ NDCs และต้องปรับปรุงทุก ๆ 5 ปี


10 ปีผ่านไป โลกเดินหน้าไปถึงไหนแล้ว?

1. โลกกำลังแตะ 1.5 องศาฯ เร็วกว่าที่คาดไว้มาก

เมื่อ COP21 ปิดฉากในปี 2558 โลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1.04°C จากยุคก่อนอุตสาหกรรม และแบบจำลองในตอนนั้นคาดว่าเราจะแตะ 1.5°C ภายในเดือนมีนาคม 2585  แต่ในปี 2568 โลกอบอุ่นขึ้นถึง 1.41°C แล้ว ข้อมูลจาก Copernicus Climate Change Service คาดว่าภาวะโลกร้อนจะถึง 1.5°C ภายในมีนาคม 2572 เร็วกว่าที่คาดไว้เดิมถึง 13 ปี นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า แม้จะยังไม่เข้าใจทุกปัจจัยที่ทำให้โลกร้อนเร็วขึ้นในช่วงไม่กี่ปีนี้ แต่ระดับก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือสาเหตุหลักที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งยากขึ้น


2. ก๊าซเรือนกระจกทุกชนิดยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ปี 2567 ระดับก๊าซเรือนกระจกทุกชนิดทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยระดับ CO2 ในบรรยากาศช่วงปลายปี 2567 อยู่ที่ 422 ppm และขึ้นเป็น 427.48 ppm เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 7% นับจากปี 2558 (ปีที่ตกลงข้อตกลงปารีส) สำหรับ CO2 เกิดจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล การผลิตซีเมนต์ และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน เป็นก๊าซที่มีส่วนทำให้โลกร้อนถึง 75% ของทั้งหมด และระดับปัจจุบันสูงกว่าในยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 50% ส่วนก๊าซมีเทน (CH4) เพิ่มขึ้นถึง 1,930.95 ppb ในปี 2568 สูงกว่าก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 165% และเพิ่มขึ้นกว่า 5% จากปี 2558

3. เส้นกราฟการปล่อยคาร์บอนเริ่ม “โค้งลง” เป็นครั้งแรก

ที่ COP30 ประเทศบราซิลเมื่อเดือนที่แล้ว เลขาธิการสหประชาชาติด้านสภาพภูมิอากาศ “ซิมอน สตีล” กล่าวว่าข้อตกลงปารีส “กำลังสร้างความคืบหน้าที่จับต้องได้” โดยข้อมูล NDCs จำนวน 86 ฉบับจาก 113 ประเทศ ระบุว่า โลกจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงประมาณ 12% ภายในปี 2578 เมื่อเทียบกับปี 2562 หากไม่มีข้อตกลงปารีส การปล่อยก๊าซปี 2578 จะ เพิ่มขึ้น 20–48% สตีลกล่าวว่า “นี่คือครั้งแรกที่เส้นกราฟการปล่อยคาร์บอนของโลกเริ่มโค้งลง” แต่ถึงอย่างนั้น นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า หากต้องการจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5°C โลกจำเป็นต้องลดการปล่อยให้ได้ 43% ภายในปี 2573 ซึ่งตอนนี้ถือว่าแทบไม่ทันแล้ว


4. ทศวรรษที่ผ่านมาเป็น “10 ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึก”

ช่วงปี 2558–2567 เป็น 10 ปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์คาดว่าแนวโน้มนี้จะยังดำเนินต่อไป ล่าสุดนักวิจัยยุโรประบุว่า ปี 2568 มีแนวโน้มสูงมากว่าจะเป็น ปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 หรืออันดับ 3 เท่าที่เคยมีการบันทึก


ครบ 10 ปีของข้อตกลงปารีส โลกก้าวหน้าในบางด้าน แต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายใหญ่ที่ตั้งไว้ ขณะที่ภาวะโลกร้อนยังขยับเข้าใกล้เส้นแดงสำคัญมากขึ้นทุกปี ทำให้การเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด กลายเป็นภารกิจที่ “ต้องทำทันที” หากมนุษยชาติหวังรักษาเสถียรภาพของโลกใบนี้ไว้ในศตวรรษนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง