2025 ปีแห่งหายนะของสหรัฐฯ ภัยพับัติถล่มหนักสุดในประวัติการณ์

ปี 2025 ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหนึ่งในปีที่สภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และทั่วโลก ทั้งคลื่นความร้อน พายุเฮอร์ริเคน ไฟป่า น้ำท่วมฉับพลัน และมหันตภัยอีกนานัปการ รายงานจาก Climate Central ชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์หายนะเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลโดยตรงจากการปล่อยคาร์บอนที่ยังคงเพิ่มสูงต่อเนื่อง จนผลักให้ปี 2025 กลายเป็นหนึ่งในห้าปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่โลกเคยมีบันทึกมา

การปล่อยคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สหรัฐฯ เผชิญเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงแบบต่อเนื่องตลอดทั้งปี

1. ความร้อนทุบสถิติทั่วประเทศ
    ในบรรดาเมืองใหญ่ 247 เมืองของสหรัฐฯ กว่า 89% ของสถิติอุณหภูมิสูงสุดรายวันเกิดขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการปล่อยคาร์บอนจากมนุษย์ ในขณะที่จำนวนสถิติอุณหภูมิสูงมีมากกว่าอุณหภูมิต่ำสุดถึงสี่เท่า ความร้อนสุดขั้วนี้ยังถูกตรวจพบทั่วโลก เสี่ยงกระทบกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ รวมถึงนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ
2. พายุเฮอร์ริเคนเมลิสซ่า
    แม้สหรัฐฯ จะไม่ถูกพายุถล่มโดยตรง แต่จาไมกาต้องเผชิญเฮอร์ริเคนเมลิสซ่า ระดับ 5 ที่กลายเป็นพายุรุนแรงที่สุดของปี น้ำทะเลที่อุ่นขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย 1.4°C ซึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน ทำให้พายุทวีกำลังเร็วผิดปกติ งานวิจัยระบุว่าคาร์บอนจากมนุษย์ทำให้แรงลมสูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 11 ไมล์ต่อชั่วโมง และทำให้ความเสียหายรวมอาจรุนแรงขึ้นถึง 50%
3. ไฟป่าลอสแอนเจลิส วินาทีแห่งหายนะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์
    ไฟป่าเดือนมกราคม 2025 คร่าชีวิต 31 คน ทำลายบ้านเรือนกว่า 16,000 หลัง และสร้างความเสียหายกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของประเทศ มลพิษคาร์บอนทำให้ “สภาพอากาศไฟป่า” รุนแรงขึ้นถึง 6% และเกิดขึ้นได้บ่อยขึ้น 35% ขณะเดียวกันปรากฏการณ์ “ชื้นสุด–แห้งสุด” ที่เกิดขึ้นเร็วผิดปกติเพราะโลกร้อน ทำให้พืชพรรณเติบโตเร็วจากฝนปีแรก แต่แห้งตายอย่างรุนแรงในปีถัดมา กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีของไฟ
4. น้ำท่วมฉับพลัน

ปี 2025 สหรัฐฯ ออกคำเตือนน้ำท่วมฉับพลันมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดเกิดในรัฐเท็กซัส เดือนกรกฎาคม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 135 คน หลังฝนตกหนักสุดขั้วตามหลังภัยแล้งยาวนาน น้ำหนักของฝนแบบนี้กำลังเพิ่มขึ้นตามภาวะโลกร้อน เพราะอากาศอุ่นขึ้น 1องศาฯ สามารถกักเก็บไอน้ำได้มากขึ้นอีก 4% ทำให้โอกาสเกิดฝนตกหนักสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

5. มหันตภัยมูลค่าพันล้านดอลลาร์

ครึ่งแรกของปี 2025 สหรัฐฯ ประสบภัยพิบัติด้านสภาพอากาศที่มีความเสียหายเกิน 1 พันล้านดอลลาร์รวม 14 ครั้ง รวมมูลค่าเสียหายกว่า 101.4 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นครึ่งปีที่มีค่าเสียหายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่เป็นพายุรุนแรง และเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการพัฒนาเมืองในพื้นที่อันตราย เช่น เขตไฟป่า ชายฝั่ง และพื้นที่ลุ่มน้ำ รายงานยังเตือนว่าแม้เกือบ 70% ของความต้องการไฟฟ้าใหม่ทั่วโลกในปี 2024 มาจากพลังงานสะอาด แต่สหรัฐฯ กลับชะลอความก้าวหน้าและกำลังถอนตัวจากข้อตกลงปารีสในปี 2026 ทำให้ความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้วยิ่งเพิ่มขึ้น

ปี 2025 เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “คาร์บอน” เป็นตัวการหลักที่นำไปสู่หายนะ ซึ่งกำลังเปลี่ยนสภาพอากาศให้รุนแรงขึ้นทุกด้าน ตั้งแต่ความร้อน พายุ ไฟป่า จนถึงน้ำท่วม ขณะที่ความเสียหายทางเศรษฐกิจพุ่งสูงถึงระดับประวัติการณ์ โลกยังมีทางออกหากเร่งลงทุนในพลังงานสะอาด ลดการพึ่งพาฟอสซิล และปกป้องชุมชนจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่หากปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปแบบเดิม ปีต่อไปจะยิ่งเลวร้ายกว่า และราคาที่ต้องจ่ายจะสูงกว่าที่มนุษย์เคยเผชิญมาก่อน