รู้จัก "AngloGold Ashanti" หุ้นเหมืองทอง ที่ราคาพุ่ง 3 เท่าปีนี้

ถ้ามีหุ้นตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม “ทองคำ” ที่ราคาพุ่งขึ้นมากว่า 3 เท่าตัวตั้งแต่ต้นปี แถมยังมีเงินปันผลที่น่าสนใจ คุณยังอยากซื้อหุ้นตัวนี้อยู่หรือไม่ เรากำลังพูดถึง AngloGold Ashanti หุ้นที่ซื้อขายกันในตลาเหลักทรัพย์นิวยอร์ก แล้วหุ้นตัวนี้มีอะไรดี ทำไมราคาถึงพุ่งสูงถึง 3 เท่า เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับหุ้นตัวนี้กัน
ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ราคาสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้กว่า 40 ครั้ง จากการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำไม่เพียงแต่สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ถือครองทองคำเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้บริษัทเหมืองทองคำมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น AngloGold Ashanti ซึ่งใช้ชื่อย่อในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ว่า AU
AngloGold Ashanti Limited เป็นบริษัทเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้ ที่มีการดำเนินงานทั่วโลก ด้วยผลงานความร่วมมือ โครงการ และกิจกรรมการสำรวจแร่ธาตุมีค่าที่หลากหลาย AngloGold Ashanti ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดยการควบรวมกิจการระหว่าง AngloGold และ Ashanti Goldfields Corporation
จากตัวเลขการผลิตในปี 2023 AngloGold Ashanti เป็นบริษัทเหมืองทองคำที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก การดำเนินงานเหมืองแร่ครอบคลุม 4 ทวีป จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก แอฟริกาใต้ ลอนดอน ออสเตรเลีย ปารีส และบรัสเซลส์
โดยหุ้น AU มีผลประกอบการที่โดดเด่นกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน และราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราว 23 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น เป็นมากกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น นอกจากนี้ AU ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่โดเด่นที่สุดบริษัทหนึ่งในอุตสาหกรรมเหมืองทองคำ
ซึ่งนอกเหนือจากผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นแล้ว นักลงทุนกำลังคาดหวังผลตอบแทนก้อนโตจากเงินปันผล เนื่องจากราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดของบริษัท และมีโอกาสที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นด้วย ปัจจัยทุกอย่างผลักดันหุ้น AU ให้ยังไปได้ดี แต่หุ้นตัวนี้ยังน่าซื้ออยู่หรือไม่ หรือสายเกินไปที่จะซื้อหุ้นตัวนี้ในตอนนี้
ก่อนอื่น เรามาวิเคราะห์ถึงการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาทองคำ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีปัจจัยขับเคลื่อนเชิงโครงสร้าง อย่างเช่นแรงซื้อของธนาคารกลางที่หนุนราคาทองคำ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของทองคำ ยังดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั้งรายย่อย และสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโลหะมีค่า
เมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่มีท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 เบสิสพอยท์ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกของปีนี้ ได้กระตุ้นความสนใจของนักลงทุนในทองคำ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในทางทฤษฎีถือเป็นผลดีต่อทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย และความกังวลเกี่ยวกับการชัตดาวน์ของรัฐบาลก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสูงสุด ปรับตัวสูงขึ้น
และนัยยะสำคัญอีกอย่างที่มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำคือ บริษัทเหมืองทองคำ ซึ่งแนวโน้มขาขึ้นของราคาทองคำก็ส่งนี้ให้ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มนี้เติบโตได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นของ AU กำไรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 140% เมื่อเดือนสิงหาคม
ขณะที่หุ้น AU มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ชัดเจน โดยปัจจุบันจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสที่ 0.125 ดอลลาร์ต่อหุ้น นอกจากนี้ AU ยังมีความมุ่งมั่นที่จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมเป็นเงินสดอีก 50% จากกระแสเเงินสดอิสระให้แก่นักลงทุน ณ สิ้นปี 2025
อย่างไรก็ตาม AU ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เล็กน้อย โดยประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.80 ดอลลาร์ในการประชุมผลประกอบการไตรมาสที่ 2 เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งรวมถึงเงินปันผลพื้นฐานที่ 0.125 ดอลลาร์ และการจ่ายเงินตามจริงเพื่อให้ถึง 50% ของกระแสเงินสดอิสระในครึ่งปีแรก
ซึ่งเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มราคาทองคำในปัจจุบัน นักลงทุน AngloGold Ashanti น่าจะได้รับเงินปันผลที่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากบริษัทได้เพิ่มเงินปันผลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ่ายเงินปันผล
ที่น่าสังเกตคือ นอกจากราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว AngloGold Ashanti ยังมีข่าวการถูกปรับอันดับความน่าเชื่อถือใหม่อีกด้วย หุ้นของ AU ซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันอย่างมาก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับงบดุล และคุณภาพของพอร์ตการลงทุน
แต่อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับ AU เนื่องจากกระแสเงินสดที่ไหลเข้ามาอย่างมหาศาลจากราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้งบการเงินของ AU มีความแข็งแกร่ง ซึ่งมีกระแสเงินสดที่สูงกว่าหนี้สินสุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ซึ่งเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ก็น่าจะเห็นแนวโน้มของตัวเลขเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
แต่ถึงแม้ว่าราคาทองคำจะยังมีแนวโน้มเป็นบวก แต่การฟื้นตัวของราคาทองคำอาจต้องพักตัวลงในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเหมืองทองคำ ในขณะที่ AngloGold Ashanti ซื้อขายที่อัตราส่วน EV/EBITDA ที่ 6.61 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดของค่าเฉลี่ยในช่วงสามปีที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น ช่องว่างระหว่างมูลค่าหุ้นของ AU และบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันก็แคบลงหลังจากผลประกอบการดีกว่า และการปรับราคาหุ้นก็ดูจะชัดเจนขึ้นบ้าง แม้ว่าอัตราส่วนมูลค่าหุ้นปัจจุบันจะยังไม่สูงเกินไป แต่ก็อาจจะไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่าราคาถูก
จะเห็นได้ว่าในระบบของอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจในปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ก็อาจจะหมายถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องได้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังจับตามองไปที่ “หุ้นเทคโนโลยี” แต่ก็ยังมีหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อาจจะไม่ได้น่าสนใจ เป็นธุรกิจที่มีมานาน แต่ในบางช่วงเวลาก็อาจจะโดดเด่นกว่าหุ้นใน “เมกะเทรนด์” ที่อยู่ในปัจจุบันก็เป็นได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
