ทองคำทำ New High ส่งท้ายปี! "หมอกฤชรัตน์" ชี้เป้าปีหน้าลุ้น 5,000 เหรียญ แนะคนมีของถือข้ามปี

นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS Gold) เปิดเผยผ่านรายการ WEALTH LIVE วันที่ 22 ธันวาคม 2568 ถึงสถานการณ์ราคาทองคำที่พุ่งทะยานทำ All-Time High อีกรอบก่อนสิ้นปี โดยระบุว่าปัจจัยหนุนสำคัญมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตอกย้ำทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงอย่างชัดเจน

ทองคำ Gold Spot ทะลุ 4,400 เหรียญ

คุณหมอกฤชรัตน์ระบุว่า ราคาทองคำ Gold Spot ในเช้าวันนี้ได้ขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 4,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดใหม่จากการไล่ซื้ออย่างคึกคักหลังเปิดตลาดวันจันทร์ โดยหากพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่า

ทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้ผลตอบแทนสูงถึงประมาณ 67%

ทองคำแท่งในประเทศไทย ให้ผลตอบแทนประมาณ 52% (ผลตอบแทนทองไทยที่น้อยกว่าเนื่องจากปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา)

กลยุทธ์การลงทุน "ถือข้ามปี" หรือ "ขายทำกำไร"?

สำหรับผู้ที่มีทองคำอยู่ในมือ คุณหมอกฤชรัตน์ให้คำแนะนำแยกตามประเภทนักลงทุน

นักลงทุนที่มีกำไร แนะนำให้แบ่งขายทำกำไรบ้างบางส่วน เช่น ประมาณ 10% เพื่อเก็บเงินสดในช่วงปีใหม่ แต่ไม่จำเป็นต้องขายทั้งหมด เนื่องจากแนวโน้มภาพรวมยังเป็นขาขึ้น

นักลงทุนระยะยาว (เงินเย็น) หากพอร์ตยังไม่หนักเกินไป แนะนำให้ "ถือห่อข้ามปี" ไปยังปีหน้าได้เลย เพราะปัจจัยพื้นฐานยังคงสนับสนุนการปรับตัวขึ้นในระยะยาว

ผู้ที่ยังไม่มีของ ไม่แนะนำให้ไล่ซื้อที่ราคา All-Time High แต่ให้รอจังหวะที่ราคา "ย่อตัว" ลงมาบริเวณ 4,370 - 4,380 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ (หรือทองไทยประมาณ 64,800 บาท) ซึ่งเป็นแนวรับที่น่าสนใจในการเข้าสะสม

เป้าหมายปีหน้าลุ้นแตะ 5,000 เหรียญ

ในส่วนของมุมมองปี 2569 คุณหมอกฤชรัตน์ประเมินว่าปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยขาลงและการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในระยะยาว โดยให้เป้าหมายราคาไว้ที่:

เป้าหมายปี 2569 มีโอกาสเห็นราคาทองคำขยับขึ้นไปถึงระดับ 4,800 - 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

ระยะสั้นสิ้นปี 2568 คาดการณ์ราคาเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 4,420 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ในช่วง 5-10 วันสุดท้ายของปี ปริมาณการซื้อขายอาจลดลงเนื่องจากเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งจะทำให้ราคามีความผันผวนลดลง โดยคาดว่าอาจจะเห็นการเหวี่ยงของราคาในกรอบ 20-30 เหรียญ แต่โอกาสที่จะปรับฐานแรงถึง 100 เหรียญนั้นมีน้อยมากในสภาวะตลาดปัจจุบัน