รีเซต

MS เพิ่มเป้า TSLA เป็น $430 NVDA ชิป Blackwell สะดุด-ร้อนเกิน

MS เพิ่มเป้า TSLA เป็น $430 NVDA ชิป Blackwell สะดุด-ร้อนเกิน
ทันหุ้น
14 มกราคม 2568 ( 16:32 )
7

 

#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น - บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส

 

Tesla (TSLA US) +2.17% ขณะที่ Morgan Stanley ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสู่ระดับ $430 (จากเดิม $400) นักวิเคราะห์ได้ชี้ถึงศักยภาพของธุรกิจยานยนต์อัตโนมัติของ Tesla คาดว่าจะเติบโตถึง 7.5 ล้านคันภายในปี 2040 และ EBITDA อยู่ที่ระดับ 29% โดยคาดว่ารถยนต์ Autonomous Vehicle ของ Tesla จะเริ่มมีการใช้งานอย่างแพร่หลายหลังปี 2030 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ให้มูลค่าหุ้นในกรณี Bull case ที่ $800 และมูลค่าหุ้นในกรณี Bear case ที่ $200

 

Nvidia (NVDA US) -1.97% หลังรายงานจาก The Information เปิดเผยถึงปัญหาทางเทคนิคในชิป Blackwell AI ที่ส่งผล ให้ลูกค้ารายใหญ่ เช่น Microsoft , Amazon Web Services , Google และ Meta Platforms ต้องชะลอการใช้งานในศูนย์ข้อมูล ปัญหาหลักเกิดจากความร้อนสูงเกินไปในชิป Blackwell เมื่อใช้งานใน racks รวมถึงปัญหาการเชื่อมต่อของชิปที่ส่งผลให้ระบบไม่สามารถทำงานได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ปัญหาเหล่านี้ทำให้ลูกค้าหลายรายลดคำสั่งซื้อ Blackwell GB200 racks โดย Microsoft ได้ปรับแผนติดตั้งในศูนย์ข้อมูล Phoenix โดยเปลี่ยนไปใช้ชิปรุ่นเก่า H200 แทน

 

ผลกระทบดังกล่าวส่งผลต่อ Nvidia ในระยะสั้น แม้บริษัทคาดว่าจะสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากชิป Blackwell ในไตรมาสแรกของปี 2025 แต่ความเชื่อมั่นในตลาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด ด้านลูกค้ารายใหญ่ เช่น Microsoft และ Amazon Web Services จำเป็นต้องหันกลับไปพึ่งพาชิปรุ่นเก่าสำหรับระบบ AI ซึ่งอาจชะลอการพัฒนาซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และคลัสเตอร์ AI

 

อย่างไรก็ตาม ชิป Blackwell ยังคงมีศักยภาพสูง โดยมีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่าชิปรุ่น Hopper ถึง 4 เท่า และสามารถตอบสนองความต้องการของศูนย์ข้อมูลที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานได้เป็นอย่างดี หาก Nvidia และซัพพลายเออร์ สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ ลูกค้ารายใหญ่มีแนวโน้มที่จะกลับมาเพิ่มคำสั่งซื้อในอนาคต

 

Moderna (MRNA US) -16.80% บริษัทประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 2025 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์และตลาด คาดการณ์ไว้ โดยรายได้ใหม่คาดว่าจะอยู่ในช่วง $1.5-$2.5 พันล้าน ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์เดิมที่ $2.5-$3.5 พันล้าน ขณะเดียวกัน Bloomberg consensus คาดการณ์ไว้ที่ $2.92 พันล้าน

 

รายได้ส่วนใหญ่ของ Moderna ยังคงมาจากวัคซีน Spikevax (วัคซีน COVID-19) และ mRESVIA (วัคซีน RSV) โดยในไตร มาส 3 ปี 2024 วัคซีน Spikevax สร้างยอดขายได้ $1.8 พันล้าน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้ยอดขายรวมในปี 2024 คาดว่า จะเกิน $3 พันล้าน ในทางกลับกัน mRESVIA ซึ่งเป็นวัคซีน RSV ตัวใหม่มียอดขายเพียง $10 ล้าน ในไตรมาส 3 ต่ำกว่า คาดการณ์ที่ $135 ล้าน อย่างมาก สถานการณ์นี้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของ Moderna ในการสร้างรายได้ จากผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากวัคซีน COVID-19

 

Moderna ได้ประกาศแผนลดค่าใช้จ่ายเงินสด (Cash Cost) $1 พันล้าน ในปี 2025 และตั้งเป้าประหยัดเพิ่มอีก $500 ล้าน ภายในปี 2026 ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในปี 2024 ก็ลดลง 25% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ลดต้นทุน เพื่อรับมือกับรายได้ที่ลดลง

 

ในระยะยาว Moderna ตั้งเป้าที่จะผลักดันการเติบโตผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมีเป้าหมายที่จะได้รับการอนุมัติ ผลิตภัณฑ์ใหม่สูงสุด 10 รายการภายใน 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ CEO Stephane Bancel ย้ำว่า Moderna ยังคงมุ่งมั่นกับกลยุทธ์ หลัก 3 ด้าน ได้แก่ การเติบโตของยอดขาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการลดต้นทุน

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง