พนักงาน Meta เริ่มหมดไฟ เพราะผู้นำ "หมกมุ่น" กับเมตาเวิร์สมากเกินไป !!
เป็นธรรมดาที่คุณอาจจะรู้สึกหลงใหลในการดำเนินโครงการใหม่ ๆ ที่คุณเพิ่งคิดค้นได้ เพียงแต่อย่าให้ตนเองหมกมุ่นกับสิ่งที่ทำนั้นมากเกินไป ทว่า สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นกับผู้นำคนสำคัญของเมตา (Meta) อย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจยักษ์ใหญ่นี้ได้
เป้าหมายของบริษัทเมตา ได้ถูกเปลี่ยนแปลงจากการเป็นแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) ให้กลายมาเป็นแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส (Metaverse - จักรวาลนฤมิตร) ที่ทุกคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงกันได้บนโลกเสมือนจริง ซึ่งได้สร้างความรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม จากความเห็นและการคาดการณ์จากสื่อต่างประเทศหลายสำนักกล่าวว่า เมตาเวิร์สอาจเป็นเหมือนอินเทอร์เน็ตในยุคแรกเริ่ม ซึ่งในอดีตนั้นผู้คนเคยมองว่าอินเทอร์เน็ต คือ สิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่อาจเติบโตได้มากมายนัก จนกระทั่งเมื่อกาลเวลาผ่านไป อินเทอร์เน็ตมีบทบาทกับชีวิตประจำวันของทุกคนทั่วโลก และนี่อาจเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเมตาเวิร์สก็เป็นได้
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทเมตา ได้วาดฝันของโลกเมตาเวิร์สไว้มากมาย และเขาต้องการสร้างโลกเสมือนจริงนี้ให้มีความยิ่งใหญ่เพื่อนำพาบริษัทและผู้คนทั่วโลกเข้าสู่โลกใบใหม่นี้ด้วย ส่งผลให้เขาทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับโครงการนี้ จนทำให้พนักงานบางส่วนมองว่าเขากำลัง "หมกมุ่น" กับเมตาเวิร์สไปเสียแล้ว
รายงานจากเว็บไซต์ Business Insider เผยว่า พนักงานของเมตารู้สึกเบื่อหน่ายกับความหมกมุ่นในโกลเมตาเวิร์ส โดยหนึ่งในผู้บริหารของเมตาที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้กล่าวว่า มาร์กสนใจที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเมตาเวิร์สเพียงอย่างเดียว ทั้งที่มันยังเป็นเพียงแนวคิดที่ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกมาก พร้อมด้วยเงินที่ต้องลงทุนไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในขณะเดียวกันแพลตฟอร์ม TikTok ก็กำลังดึงฐานผู้ใช้ของเมตาไปเรื่อย ๆ แล้วทิศทางของเมตาจะเป็นเช่นไรต่อไป?
ทั้งนักลงทุนและพนักงานภายในบริษัทต่างมองว่าการกระทำของมาร์ก อาจทำให้เมตากลายเป็นแบบบริษัทยาฮู! (Yahoo!) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเสิร์ชเอนจินอันโด่งดัง จนกระทั่งทุกวันนี้ไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป นอกจากนี้ พนักงานหลายฝ่ายยังคงสับสนกับทิศทางของบริษัท เพราะขาดการสื่อสาร, ขาดการให้ข้อมูล และขาดเป้าหมายในการทำงาน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายฝ่ายเริ่มรู้สึกไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของมาร์ก
หลังจากเมตาได้เปลี่ยนชื่อบริษัท ส่งผลให้หุ้นของบริษัทตกลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีมูลค่าลดลงถึง 60% ในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนต่อการลงทุน และนักลงทุนเองอาจไม่สนใจที่จะเข้าร่วมกับโครงการเมตาเวิร์สนี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องให้เวลาทางเมตาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงแนวคิดโลกเสมือนจริงที่สามารถเป็นไปได้ และควรดำเนินการให้เห็นเป็นที่ประจักษ์โดยเร็ว เพื่อเรียกความสนใจและความน่าเชื่อถือของบริษัทกลับคืนมา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Techspot