สิงคโปร์สั่ง "Meta" ป้องกันหลอกลวง หากไม่ทำเสี่ยงโดนปรับ

รัฐบาลสิงคโปร์ได้เดินหน้าจัดการกับปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุดตำรวจสิงคโปร์ได้มีคำสั่งอย่างเป็นทางการให้บริษัทเมตา เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก ดำเนินมาตรการต่อต้านการหลอกลวงอย่างเข้มงวด ทั้งในรูปแบบโฆษณา บัญชีผู้ใช้ โปรไฟล์ รวมถึงเพจธุรกิจที่มีการแอบอ้างเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาล คำสั่งดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่ถูกบังคับใช้ภายใต้ กฎหมาย Online Criminal Harms Act ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยกำหนดให้หาก Meta ไม่ปฏิบัติตาม บริษัทอาจถูกปรับสูงสุดถึง 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 775,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยกว่า 25 ล้านบาท
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของสิงคโปร์ ระบุว่า สาเหตุที่ออกคำสั่งไปยังเมตาโดยตรง เนื่องจากเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกใช้มากที่สุดในการก่ออาชญากรรมหลอกลวงประเภทแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และสถานการณ์ได้ลุกลามจนต้องมีมาตรการเชิงรุกที่ชัดเจนมากขึ้น
ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยเผยว่า เพียงครึ่งแรกของปี 2568 มีคดีหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเจ้าหน้าที่รัฐมากถึง 1,762 คดี เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีเพียง 589 คดี ความเสียหายรวมสูงถึง 126.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเพิ่มขึ้นกว่า ร้อยละ 88 จากปีก่อน
โดยเฉพาะ Facebook Marketplace ถูกจัดอันดับว่าเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีจุดอ่อนด้านมาตรการป้องกันการโกงมากที่สุดในบรรดา 6 แพลตฟอร์มหลักของสิงคโปร์ และยังเป็นพื้นที่ที่เกิดการฉ้อโกงอีคอมเมิร์ซมากกว่าหนึ่งในสามของทั้งหมด
ด้าน Meta ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทได้ลงทุนพัฒนาระบบตรวจจับบัญชีปลอมและผู้แอบอ้าง รวมถึงใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ตลอดจนการยืนยันตัวตนผู้ลงโฆษณา อีกทั้งยังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและมีการฟ้องร้องต่อผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่คำแนะนำเพื่อให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อ พร้อมระบบรายงานบัญชีต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ยอมรับว่า แม้เมตาจะปรับใช้มาตรการใหม่ ๆ เช่น การยืนยันตัวตนของผู้ขายบางกลุ่ม และการแจ้งเตือนความเสี่ยงผ่านระบบแชท แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการยับยั้งปัญหาในภาพรวม จึงเป็นที่มาของคำสั่งบังคับล่าสุด
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายของรัฐบาลทั่วโลกในการจัดการกับอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และสิงคโปร์กำลังถูกจับตามองว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับแพลตฟอร์มระดับโลกเช่นเมตา จะสามารถสร้างความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานได้จริงเพียงใด