PRM 'ทิสโก้' ส่องงบ Q4/67 แนวโน้มปี 68 เหมาะลงทุนอย่างไร?
#ทันหุ้น - บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ วันที่ 30 มกราคม 2568 หุ้น บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM แนวโน้มยังดี คาดกำไรเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อในปีนี้ ส่วนกำไร Q4/67 คาดจะลดลงเนื่องจากมีการเร่งนำเรือเข้าอู่ 3 ลำ และมีเรือ 1 ลำที่ไปดัดแปลงเป็น FSO กำหนดกลับมาให้บริการคือวันที่ 30 ม.ค. อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติของปี 2567 ยังเติบโตทำสถิติสูงสุด และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งใน Q1/68 และจะดีขึ้นอีกใน Q2/68 เนื่องจากเรือที่เข้าอู่ทุกลำรวมทั้งเรือใหม่เข้าให้บริการเต็มไตรมาส ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อในปี 2568 ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ ซื้อ PRM เนื่องจากแนวโน้มยังดี, ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2567-2568F ที่ 8x และ 6.5x เท่านั้นแต่ Dividend yield สูงที่ 5.3% และ 6.5%
ประเมินกำไรปกติ Q4/67 ลดทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากการนำเรือเข้าอู่หลายลำ โดยคาดกำไรสุทธิใน Q4/67 จะอยู่ที่ 465 ลบ. ลด 38% YoY แต่เพิ่ม 3% QoQ แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 49 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 417 ลบ. ลดลง 2% YoY, 20% QoQ เนื่องจากบริษัทมีการเอาเรือเข้าอู่หลายลำ ได้แก่ เรือ AWB 1 ลำ (3 ธ.ค.24 -25 ม.ค.25), เรือ VLCC 1 ลำ (25 ธ.ค.-ต้นก.พ. เป็นเวลา 40 วัน), และ FSU 1 ลำ (ธ.ค.-ต้นก.พ. เป็นเวลา 45 วัน) ทำให้คาดรายได้ลดลง 2.5% QoQ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการนำเรือเข้าอู่จะถูกตัดจำหน่ายเป็นเวลา 30 เดือน ประกอบกับอัตราการใช้เรือที่ลดลงส่งผลให้คาด Gross margin ลดลง QoQ จาก 36.3% เป็น 33.1% จากประมาณการ Q4/67 ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิของปี 2567 อยู่ที่ 2,118 ลบ. ทรงตัว YoY แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายเรือในปี 2566 กำไรจากการดำเนินงานปกติของบริษัทในปี 2567 นับเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทเติบโต 16% YoY
แนวโน้ม Q1/68 กำไรดีขึ้น และจะดีขึ้นอีก Q2/68 ผลักดันกำไรสู่สถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ ฝ่ายวิจัยคาดกำไร Q1/68 จะดีขึ้น QoQ เนื่องจากมีเรือเพิ่มขึ้น ได้แก่ เรือ FSU ลำใหม่ขนาด 306,352 DWT ซึ่งคาดจะสามารถให้บริการและสร้างรายได้ในเดือนก.พ. นอกจากนั้นยังมีเรือ Hybrid crew boat เข้ามา 2 ลำให้บริการกับบริษัท Abu Dhabi National Oil Company (ADNOC) เริ่มให้บริการแล้วในวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้นจะมีเรือ Crew boat เข้ามาอีก 2 ลำในเดือนก.พ.และมิ.ย.เพื่อให้บริการกับ PTTEP และเรือที่ไปดัดแปลงเป็น FSO จะกลับมาให้บริการในวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งเรือทั้งหมดที่เข้าอู่และเรือลำใหม่จะสร้างรายได้ได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ Q2/68 เป็นต้นไป เรือใหม่ๆ เหล่านี้จะเป็นตัวผลักดันรายได้และกำไรในปีนี้ให้เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปี 2567
คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ 10 บาท ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-69 ลง 4-7% เพื่อสะท้อนประมาณการกำไร Q4/67, การนำเรือเข้าอู่, กำหนดการเริ่มให้บริการของเรือลำใหม่และสมมติฐาน Gross margin ที่ลดลง (รายละเอียดอยู่ในตารางที่ 2) ดังนั้นมูลค่าที่เหมาะสมซึ่งคิดจาก 2568 PER ที่ 9 เท่า (คิดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของหุ้น) ปรับลดลงจาก 10.80 บาทเป็น 10 บาท ซึ่งยังมี Upside จากราคาในปัจจุบันถึง 38% รวมถึงแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตดี ฝ่ายวิจัยจึงยังคงแนะนำ ซื้อ ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน