รีเซต

NVDA -4% หวั่นถูกจำกัดขายชิปให้จีน META-ASML ผลงานดีกว่าคาด

NVDA -4% หวั่นถูกจำกัดขายชิปให้จีน META-ASML ผลงานดีกว่าคาด
ทันหุ้น
30 มกราคม 2568 ( 15:56 )
14

 

#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง (S&P500 -0.47%, Dow Jones -0.31% และ Nasdaq -0.51%) หลัง Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25 - 4.50% และได้เตือนถึงอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง อีกทั้งตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำโดย Nvidia -4.03% Tesla -2.26% และ Microsoft -1.09%

 

Fed มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25 - 4.50% โดยใน Statement ของ Fed ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับที่ต่ำและตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ด้านเงินเฟ้อได้มีการปรับเปลี่ยนใน Statement โดยได้นำประโยคที่ว่า “เงินเฟ้อกำลังปรับตัวเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%” ออกไป

ทางด้าน Jerome Powell กล่าวในช่วงการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า Fed ไม่รีบร้อนในการปรับนโยบายการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง พร้อมกับได้แสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายการเงินในขณะนี้พร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ นอกจากนี้ Powell ระบุว่าปัจจุบันยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่านโยบายของ Donald Trump จะส่งผลอย่างไร และFed จะต้องใช้เวลาในการประเมินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

 

ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองผลการประชุมของ Fed เป็นไปตามที่ตลาดคาด ดังนั้น ปัจจัยในระยะสั้นที่ต้องให้ความสำคัญต่อไปคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่จะสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคต โดยเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม  แนะนำกระจายน้ำหนักการลงทุนของพอร์ตไปในหุ้นกลุ่มอื่นๆ อาทิ Financials, Consumer Discretionary และ Healthcare ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราชอบนอกเหนือไปจากหุ้นในกลุ่ม Tech เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตรวมทั้งความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ

 

ธนาคารกลางแคนาดาประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 3.00% และธนาคารกลางสวีเดนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 2.25% ทั้งนี้ ติดตามผลการประชุม ECB ในคืนนี้ โดยตลาดคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 2.75%

 

Nvidia (NVDA US) -4.04% หลังมีรายงานว่า คณะบริหารของ Trump ได้หารือกันเกี่ยวกับการจำกัดการขายชิปของ Nvidia ให้กับจีน หลังจาก DeepSeek ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ตอัพของจีนได้ เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพและใช้ต้นทุนต่ำ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต ของบริษัทเทคโนโลยี AI ในสหรัฐฯ

 

Meta Platforms (META US) +1.15% ในช่วง After Hours หลังบริษัทเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาด รวมถึงยืนยันแผนลงทุน AI ขนาดใหญ่ในปี 2025 มุ่งสู่การขยายตัวผู้ช่วยอัจฉริยะระดับโลก ถึงแม้จะให้คาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1 ออกมาน้อยกว่าคาดก็ตาม รายได้รวมอยู่ที่ $4.84 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 20.63% YoY (สูงกว่าคาด 3.00%) โดยรายได้ ส่วนใหญ่ยังคงมาจากธุรกิจโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย ขณะที่ EPS ออกมาอยู่ที่ $8.02 เพิ่มขึ้น 50.47% YoY (ดีกว่าคาด 18.30%) อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2025 บริษัทมองอยู่ระหว่าง $3.95-$4.18 หมื่นล้าน ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ $4.17 หมื่นล้าน

 

- Tesla (TSLA US) +4.87% ในช่วง After Hours หลังบริษัทคาดยอดขายฟื้นตัวในปี 2025แม้ผลประกอบการในไตรมาส 4 จะออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รายได้รวมอยู่ที่ $2.57 หมื่นล้านเพิ่มขึ้น 2.1% YoY (น้อยกว่าคาด 5.51%) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.3% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 17.6% (น้อยกว่าคาด 270 bps) ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 73 เซ็นต์ (น้อยกว่าคาด 3.18%) นอกจากนี้ รายได้จากการขายเครดิตด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ $692 ล้าน ลดลงจาก $739 ล้าน ในไตรมาสก่อนหน้า แม้ตัวเลขจะต่ำกว่าคาดการณ์ แต่บริษัทแสดงความเชื่อมั่นในทิศทางการเติบโตในอนาคต โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2025หลังจากประสบกับการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี

 

- Microsoft (MSFT US) -5.87% ในช่วง After Hours หลังบริษัทเผชิญข้อจำกัดด้านศูนย์ข้อมูลแม้ธุรกิจคลาวด์เติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ $6.96 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 12% YoY (สูงกว่านักวิเคราะห์ 1.04%) ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ $3.23 (สูงกว่าคาด 3.41%) แม้ผลประกอบการจะออกมาเชิงบวก แต่หุ้น Microsoft ปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลกับอัตราการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ที่เริ่มชะลอตัว

 

- ASML Holding (ASML US) +4.29%หลังบริษัทเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 โดยมีรายได้และกำไรสูงกว่าคาด รายได้รวมไตรมาส 4อยู่ที่ €9.3 พันล้าน +28% YoY (สูงกว่าคาด 2.7%) โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 51.7%ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 4 อยู่ที่ €2.7 พันล้าน +31.5% YoY โดยกำไรสุทธิต่อหุ้น (Adjusted Diluted EPS) อยู่ที่ €6.85 +31.7% YoY (สูงกว่าคาด 2.6%) หลังได้แรงหนุนจากมูลค่าการจองสุทธิ (Net Bookings) ในไตรมาส 4 อยู่ที่ €7.1 พันล้าน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ €3.5พันล้าน และเพิ่มขึ้นจาก €2.63 พันล้านในไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเครื่อง EUV ที่ใช้ผลิตชิปสำหรับ AI

 

- รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้: ยูโรโซน GDP ไตรมาส 4 (ตลาดคาด +1.0% QoQ vs. ไตรมาสก่อน +0.9%) Unemployment Rate เดือน ธ.ค. (ตลาดคาดที่ระดับ 6.3% vs. เดือนก่อนที่ 6.3%) สหรัฐฯ GDP ไตรมาส 4 (ตลาดคาด +2.7% QoQ vs. ไตรมาสก่อน +3.1%) และ Personal Consumptionไตรมาส 4(ตลาดคาด +3.2% QoQ vs. ไตรมาสก่อน +3.7%)

- ติดตามรายงานผลประกอบการฯ ของบริษัทขนาดใหญ่ที่จะออกในวันนี้ อาทิ AAPL (ตลาดคาดรายได้และ EPS +3.9% และ +7.8% YoY ตามลำดับ) Visa (ตลาดคาดรายได้และ EPS +8.3% และ +10.5% YoY ตามลำดับ) Mastercard (ตลาดคาดรายได้และ EPS +12.8% และ +16.1% YoY ตามลำดับ) และ Intel (ตลาดคาดรายได้และ EPS -10.4% และ -77.2% YoY ตามลำดับ)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง