กรุงศรี มองหุ้นกลุ่มแบงก์ปันผลสูงราว 4-9% ราคาต่ำกว่า Book Value
#ทันหุ้น-บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ มองธีมเป็น value play มากกว่า growth story เพราะธนาคารคงปันผลระดับสูง dividend yield คาดที่ 4-9% ต่อปี และ ราคาหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ซื้อขายต่ำกว่า Book Value โดยภาพรวมปี 2568มองการจัดการคุณภาพสินทรัพย์เป็นประเด็นหลัก ดังนั้นการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) จะเป็นตัวหลักในการผลักดันการเติบโตกำไรสุทธิ รวมถึงการบริหารจัดการเงินทุน ทั้งการเพิ่ม dividend payout ratio และการซื้อหุ้นคืน จะช่วยเพิ่ม ROE ในอนาคตได้
ฝ่ายวิจัย คาดกำไรสุทธิปี 2568 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 2.24 แสนล้าบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยผลักดันจากค่าใช้จ่ายสำรองหรือ credit cost ที่ลดลง กลบผลกระทบเชิงลบจากการลดลงของส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ หรือ NIM และคาดว่า ROE ในปี 2568 คงระดับที่ 9.1% และมีโอกาสเพิ่มได้ จากการบริหารจัดการเงินทุน ทั้งการเพิ่ม dividend payout ratio และการซื้อหุ้นคืน
นอกจากนี้คาดว่าปี 2568 จะเห็นผลบวกด้านคุณภาพสินทรัพย์ เนื่องจากธนาคารเร่งจัดการคุณภาพสินทรัพย์ตลอดปี 2566-2567 เช่นการปรับโครงสร้างหนี้การตัดจำหน่ายหนี้สูญ และการขายหนี้เป็นต้น ปัจจัยต่อมาคือธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เห็นได้จากปี 2567 สินเชื่อรวมทรงตัว และประเด็นสุดท้ายนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐคาดเห็นการลดการตกชั้นของลูกหนี้
**เลือก KBANK-KTB เด่น
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี ได้เลือกหุ้น KBANK และ KTB เป็นหุ้น Top Picks ของกลุ่ม เพราะคาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 เติบโต 9% มากกว่ากลุ่มที่เติบโต 2%, ค่าใช้จ่ายสำรองของ KBANK มีโอกาสลดลงมากสุดในกลุ่ม และความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายสำรองของ KTB จำกัด เพราะการเติบโตในสินเชื่อภาครัฐ และ KBANK และ KTB มีโอกาสเห็นการปรับเพิ่ม dividend payout ratio และ ROE
โดยแนะนำซื้อหุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมายที่ 178.00 บาท หุ้น KTB ให้ราคาเป้าหมายที่ 24.00 บาท
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี คงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารที่ NEUTRAL มองภาพรวมปี 2568 จะเห็นผลบวกในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์จากธนาคารเร่งจัดการคุณภาพสินทรัพย์ตลอดปี 2567 รวมถึงมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้ของธปท. และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ จะกลบผลกระทบเชิงลบ จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง โดยคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% จากปัจจุบันที่ 2.25% ซึ่งมีโอกาสปรับลงอีก 1 ครั้งในช่วงไตรมาส 1/68 และการขยายไปกลุ่มความเสี่ยงต่ำ