ไม่ทันได้ใช้เงิน! หิ้ว 2 คนร้ายชิงทองทำแผน รับตกงาน-ติดหนี้ยา เค้นสอบทองที่หาย
ไม่ทันได้ใช้เงิน! หิ้ว 2 คนร้ายชิงทองทำแผน รับตกงาน-ติดหนี้ยา เค้นสอบทองที่หายอีก 70 บาท เร่งสอบประวัติหลังพบเอี่ยวปล้นทอง-รถขนเงินปี 58
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 ก.พ.64 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผวจ.นทบุรี พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์
- อ่าน ทองยังหายอีก 70 บาท! แฉแผนลงมือ ออกอุบายเคลียร์ค่ายานรก พบพัวพันปล้นรถขนเงิน
- อ่าน ด่วน! 2 โจรบุกร้านทอง กลางห้างดัง เมืองนนท์ กวาด 6 ล้าน หนีระทึก
- อ่าน ด่วน! จับแล้ว 2 คนร้าย ปล้นทอง 251 บาท กลางห้างดัง คุมตัวสอบเครียด
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ควบคุมตัว นายทวีวงศ์ หรือ ตูน หอมเนียม อายุ 37 ปี และนายคันศร หรือ โต็ด วสุหิรัญ อายุ 39 ปี นำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ 2 ซึ่งตั้งอยู่ชั้นล่างติดประตูทางเข้าออกลานจอดรถภายในห้างบิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ หลังร่วมกันด่อเหตุใช้อาวุธปืนเข้าชิงทรัพย์ร้านทองดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณน้ำหนัก 209 บาท และเงินสดอีกประมาณ 8 หมื่นบาท ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมยึดของกลางกลับคืนมาได้บางส่วน
โดยของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามนำกลับมาได้ ด้วยของกลางเป็นทองรูปพรรณชนิดต่างๆ น้ำหนัก 88 บาท เงินสด 1.5 หมื่นบาท อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 3 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวนหนึ่งและรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น เอ็นแม็กซ์ 155 สีขาว คันหมายเลขทะเบียน 5 กด 1484 กรุงเทพมหานคร ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามของกลางรูปพรรณที่ถูกคนร้ายชิงทรัพย์ไปได้ที่ภายในห้องพักคนงานหมายเลข 37 แคมป์คนงานของบริษัทแห่งหนึ่งย่านช่องนนทรี เขตยานนาวา โดยพบของกลางถูกซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้าและใต้เบาะรถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายทวีศักดิ์และนายคันศร เดินทางมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตั้งแต่จอดรถจยย.วิ่งเข้าไปใช้อาวุธขู่บังคับให้พนักงานร้านทองหมอบนั่งลงกับพื้น จากนั้นนายทวีศักดิ์ปีนข้ามเคาน์เตอร์เข้าไปคว้าถาดที่แขวนทองรูปพรรณน้ำหนักต่างๆ จากตู้โชว์ด้านหลัง ส่งให้นายคันศรที่ถืออาวุธปืนคุ้มเชิงคว้าใส่กระเป๋าสะพายที่เตรียมมา โดยเวลาใช้ลงมือก่อเหตุประมาณ 1 นาที
นายทวีศักดิ์ กล่าวระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่า สาเหตุที่ลงมือก่อเหตุเป็นเพราะตกงาน และต้องการนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงตัดสินใจลงมือร่วมกับนายคันศร ซึ่งติดเงินค่ายาเสพติด หลังก่อเหตุแบ่งทรัพย์สินที่ได้กันเพียงบางส่วน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ประสานความร่วมมือในการเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างทันควัน ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังก่อเหตุ โดยได้รับความร่วมมือจากทางจังหวัดนนทบุรี ในการติดตามเส้นทางของคนร้ายที่หลบหนีจากกล้องซีซีทีวีตามจุดต่างๆ จนสามารถทราบเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีและตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุด
ตนอยากจะขอฝากเตือนไปยังผู้ที่จะคิดลงมือก่อเหตุในลักษณะนี้ว่า ปัจจุบันเรามีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ทั้งเมือง หากคิดก่อเหตุส่วนใหญ่ไม่เคยรอดสักราย ไม่ทันได้ใช้เงิน ก็ถูกจับติดคุกดำเนินคดีก่อนแล้ว ดังนั้นหากใครคิดจะมาก่อเหตุในลักษณะนี้ควรคิดดูให้ดีว่า มันคุ้มค่าไหมที่ไม่ได้ใช้เงิน แล้วต้องมาติดคุกแทน
หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปสอบสวนต่อ เนื่องจากยังมีทองรูปพรรณน้ำหนัก 70 บาท ที่คนร้ายชิงไปยังขาดหายอยู่ รวมทั้งเงินสดจากจำนวน 8 หมื่นบาท ที่ติดตามกลับมาได้เพียง 1.5 หมื่นบาท
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน และยานพาหนะเพื่อสะดวกหลบหนีในการกระทำผิด พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบประวัติของนายทวีศักดิ์ ผู้ต้องรายนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากพบว่านายทวีศักดิ์ เคยมีประวัติพัวพันกับการปล้นทรัพย์ร้านทอง 600 กว่าบาทในจังหวัดชลบุรี และปล้นรถขนเงินในพื้นที่สน.ปทุมวัน เมื่อปี 2558 อีกด้วย