รีเซต

ร้อนนี้อาจถึงตาย แค่ 1 ชั่วโมงกลางแจ้ง อาจช็อกดับโดยไม่รู้ตัว

ร้อนนี้อาจถึงตาย แค่ 1 ชั่วโมงกลางแจ้ง  อาจช็อกดับโดยไม่รู้ตัว
TNN ช่อง16
25 เมษายน 2568 ( 08:20 )
18

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสเกี่ยวกับ อากาศร้อนจัด ภัยเงียบที่อาจคร่าชีวิตได้ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง


ในยุคที่โลกเผชิญกับภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง อุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่ใช่เพียงแค่สร้างความไม่สบายตัวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นภัยเงียบที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้ในเวลาอันสั้น งานวิจัยของ Dr. Fiona Rennie แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัวจาก Valiant Clinic ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้ศึกษาผลกระทบของอากาศร้อนต่อสุขภาพของผู้คนในเมืองดูไบ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 50–55% ซึ่งใกล้เคียงกับสภาพอากาศในประเทศไทยขณะนี้ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า เพียงแค่สัมผัสอากาศร้อนต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก็สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ในหลายระดับ ตั้งแต่อาการเหนื่อยง่ายจนถึงขั้นเสียชีวิต

เมื่ออุณหภูมิในบรรยากาศอยู่ที่ประมาณ 39–40 องศาเซลเซียส สมองจะเริ่มตอบสนองช้าลง อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทำงานช้าลง หายใจเร็วขึ้น และรู้สึกเหนื่อยง่าย หากอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นเป็น 40–41 องศา จะเริ่มมีอาการหมดแรง อยากนั่งหรือนอนลงทันที ส่วนที่ระดับ 41–45 องศาเซลเซียส ระบบการทำงานของร่างกายจะเริ่มล้มเหลว ส่งผลให้เกิดอาการตะคริวจากการเสียเกลือแร่ รวมถึงภาวะเพลียแดดที่มีอาการเหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว และร่างกายอ่อนแรงอย่างรุนแรง

 

อันตรายร้ายแรงที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส เพราะร่างกายจะไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน เกิดเป็นภาวะ "ลมแดด" หรือ heat stroke ซึ่งทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส ร่างกายของมนุษย์แทบไม่สามารถทนได้ และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

เพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน งานวิจัยแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดระหว่างเวลา 09.00–15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงแดดรุนแรงที่สุด ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ควรแต่งกายมิดชิด พกหมวก ร่ม หรือพัดลมมือถือ รวมถึงสวมแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันรังสี UV ได้มากกว่า 400 นาโนเมตร และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30++ ขึ้นไป ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำตาลสูง เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการเพลียแดดและลมแดดได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การอยู่ในที่ร่ม เปิดพัดลมหรือแอร์ และจิบน้ำเย็นบ่อย ๆ จะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาชีพที่ต้องใช้ชีวิตกลางแดด เช่น พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของกลางแจ้ง กรรมกรก่อสร้าง ไรเดอร์ ตำรวจจราจร รวมถึงผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับความระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงที่อากาศร้อนจัด

 

อากาศร้อนอาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่แท้จริงแล้วกลับแฝงไปด้วยอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม การรับรู้และดูแลตนเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้เราผ่านพ้นฤดูร้อนนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง