รีเซต

ยูเอ็นเตือน ทั่วโลกจะต้องการเครื่องปรับอากาศมากขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2050

ยูเอ็นเตือน ทั่วโลกจะต้องการเครื่องปรับอากาศมากขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2050
TNN ช่อง16
12 พฤศจิกายน 2568 ( 15:21 )
13

โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เตือนว่าความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ภายในปี 2050 หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย โดยระบุว่านี่อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำความเย็นเกือบ “เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” จากระดับในปี 2022

รายงาน Global Cooling Watch 2025 ซึ่งเผยแพร่ในระหว่างการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิลระบุว่า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของประชากร รายได้ที่สูงขึ้น และสภาพอากาศที่ร้อนจัดขึ้น ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะแอฟริกาและเอเชียใต้ ซึ่งจะเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุด

UNEP ระบุว่า หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป “กำลังการทำความเย็นที่ติดตั้งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปี 2050” แต่ก็ยังมีผู้คนอีกหลายพันล้านคนที่ไม่มีเครื่องทำความเย็นเพียงพอเพื่อป้องกันตัวเองจากอากาศที่ร้อนมากขึ้น

ด้านผู้อำนวยการใหญ่ของ UNEP กล่าวว่า เมื่อคลื่นความร้อนรุนแรงและเกิดถี่ขึ้น การเข้าถึงระบบทำความเย็นควรถูกมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานจำเป็น เช่นเดียวกับน้ำ พลังงาน และระบบสุขาภิบาล และแม้เครื่องปรับอากาศจะช่วยบรรเทาความร้อนได้ แต่ไม่สามารถใช้เครื่องปรับอากาศเพียงอย่างเดียวเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตความร้อน เพราะจะยิ่งทำให้การปล่อยคาร์บอนสูงขึ้นและเพิ่มค่าใช้จ่ายทางพลังงาน

รายงานของ UNEP เสนอแนวทางการทำความเย็นแบบพาสซีฟ (Passive Cooling) ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารโดยไม่พึ่งพาพลังงานมากนัก เช่น การออกแบบผนังและหลังคาให้สะท้อนความร้อน การเพิ่มร่มเงาและการระบายอากาศ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบออฟกริด โดยมาตรการเหล่านี้สามารถลดอุณหภูมิภายในอาคารได้ตั้งแต่ 0.5-8 องศาเซลเซียส และหากมีการนำมาใช้จริงในวงกว้าง อาจช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 64% ภายในปี 2050 เมื่อเทียบกับระดับที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หากยังใช้ระบบทำความเย็นแบบเดิม

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง