สรุปมาตรการรับ “เงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท” จาก “สช.” สำหรับโรงเรียนเอกชน โรงเรียนรัฐได้สิทธิไหม?
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ หรือ สช. ได้เปิดช่องทางตรวจสอบสิทธิ “รับเงินเยียวยา” เพื่อลดภาระให้แก่ผู้ปกครองในอัตรา 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คนนั้น โดยขณะนี้ทาง สช. แจ้งให้นักเรียนไทยใช้เลขประจำตัวประชาชน ในการตรวจสอบส่วนนักเรียนต่างชาติหรือนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน สามารถตรวจสอบได้โดยใช้รหัส G-Code ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
วันนี้ TrueID จึงรวบรวมช่องทางในการตรวจสอบสิทธิสำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน ว่าได้รับเงินเยียวยาหรือไม่ และใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ไปดูกัน
ทาง สช. ได้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ปกครองโดยเพิ่มช่องทางให้สามารถตรวจสอบสิทธิ์การได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว ผ่าน Application สช. On mobile ได้แล้ววันนี้
สำหรับนักเรียนไทย ตรวจสอบโดยใช้เลขประจำตัวประชาชน ส่วนนักเรียนต่างชาติหรือนักเรียนที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน สามารถตรวจสอบได้โดยใช้รหัส G-Code ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยสามารถขอทราบรหัส G-Code ได้ที่โรงเรียนที่ตนศึกษาอยู่
ช่องทางการตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยา
1.ดาวน์โหลด Application สช. On mobile ได้ที่ Play Store และ App Store หรือสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
ระบบแอนดรอยด์ : https://play.google.com/store/apps/details...
ระบบ iOS : https://apps.apple.com/.../%E0%B8%AA%E0.../id1540552791...
2.เว็บไซต์ ตรวจสอบสิทธิ์นักเรียนโรงเรียนเอกชนตามมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้แก่ผู้ปกครองในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
คลิก : https://regis-stu.opec.go.th/regis/Login.htm?mode=initHelp
ล่าสุด เพจ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่าเนื่องจากขณะนี้ Application สช. On mobile มีผู้เข้าใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมากทำให้เกิดระบบขัดข้อง ทางแอดมินกำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอยู่
หลังจากที่ทาง สช. ได้อัปเดตการตรวจสอบสิทธิไปทำให้บรรดาผู้ปกครองที่ลูกกำลังศึกษาอยู่โรงเรียนรัฐ เกิดความสงสัยว่า โรงเรียนรัฐได้เงินเยียวยาไหม วันนี้ TrueID ได้สรุปมาไว้ให้แล้ว
โรงเรียนรัฐได้รับเงินเยียวยาไหม?
มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนด้านค่าใช้จ่ายทางการศึกษา จำนวน 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ม.6, ระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในกรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของครัวเรือนและประชาชน ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและระดับอุดมศึกษา ภาครัฐและเอกชน
สรุปมาตรการช่วยเหลือเยียวยานักเรียน
1. สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครอง 2,000 บาท/นักเรียน 1 คน สำหรับ นักเรียน นักศึกษาที่อยู่ในสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ม.6, ระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
2. ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายในโรงเรียนเอกชนให้เท่ากับปีการศึกษา 2563
3. จัดสรรค่าใช้จ่ายให้แก่สถานศึกษาเพื่อช่วยจัดการเรียนรู้
เงินเยียวที่ได้รับใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
1. ค่าธรรมเนียมการเรียน
2. ค่าบำรุงการศึกษา
3. ค่าอินเทอร์เน็ต
4. ค่าไฟฟ้า
ขณะที่กลุ่มนักเรียนที่เรียนในรูปแบบ Onsite สามารถนำเงินมาใช้จ่ายช่วยค่าดำรงชีพให้แก่ตัวเอง และครอบครัวได้เช่นเดียวกัน
รอรับเงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาทได้ที่ไหน
จ่ายผ่านสถานศึกษา และสถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครองแล้วแต่กรณีในรูปแบบของเงินสด หรือโอนเข้าบัญชี โดยจจะจัดสรรเงินงบประมาณลงไปที่สถานศึกษาภายในวันที่ 30 ส.ค. ดังนั้น ในวันที่ 31 ส.ค. เงินเยียวยา จำนวน 2,000 บาทจะส่งถึงนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองทันที
นิสิต นักศึกษาได้เงินเยียวยาไหม?
นิสิต / นักศึกษาชาวไทย ระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ระยะเวลา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 มีมาตรการเงินเยียวยาดังนี้
1.สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ จะได้รับส่วนลดเป็นลักษณะร่วมจ่ายระหว่างรัฐและสถาบันอุดมศึกษาในอัตรา 6:4
- ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษาส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลดร้อยละ 50 / 50,001 - 100,000 บาท ลดร้อยละ 30
- ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษาส่วนที่เกิน 100,000 บาท ลดร้อยละ 10 โดยส่วนลดสูงสุดรวมกันไม่เกินร้อยละ 50
2.สถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา รัฐสนับสนุนในอัตรา 5,000 บาท/คน
ข้อมูลจาก กระทรวงศึกษาธิการ , ศธ.360 องศา , สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง