สมาคมธนาคารไทย เผยยอดตัดเงินผิดปกติ 1.07 หมื่นใบ เสียหาย 130 ลบ. เร่งคืนเงินลูกค้าบัตรเดบิตใน 5 วัน
ข่าววันนี้ สมาคมธนาคารไทย เผยความคืบหน้ากรณีตัดเงินผิดปกติ พบธุรกรรมผิดปกติจำนวน 1.07 หมื่นใบ มูลค่าความเสียหายรวม 130 ล้านบาท เร่งดำเนินการคืนเงินลูกค้าบัตรเดบิตภายใน 5 วัน โดยประมาณ 50% เกิดจากธุรกรรมบัตรเดบิตที่เกิดจากร้านค้าในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และเป็นธุรกรรมวงเงินขนาดเล็กเฉลี่ย 1 ดอลลาร์ และไม่ใช่รหัสยืนยันหรือ OTP พร้อมยกระดับตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ ประสานงานเครือข่ายบัตรใช้รหัส OTP ในการทำธุรกรรมร้านค้าต่างประเทศ
โดยจำนวนธุรกรรมที่มีความผิดปกติโดยเฉพาะในวันที่ 14-17 ตุลาคมที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 10,700 ใบ มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบัตรเดบิตอยู่ที่ราว 30 ล้านบาท และบัตรเครดิตราว 100 ล้านบาท ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ธปท. และสมาคมธนาคารไทย จะมีการยกระดับมาตรการเร่งด่วนโดยกำชับให้ธนาคารมีการตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นในวงเงินจำนวนต่ำ ๆ และความถี่ในการตรวจสอบธุรกรรม และมีการแจ้งเตือนข้อความเมื่อมีการทำธุรกรรมตั้งแต่บาทแรกผ่านโมบายแอปพลิเคชั่นหรืออีเมล์
รวมถึงมีการประสานความร่วมมือเครือข่ายบัตร เช่น วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด เป็นต้น ในการตรวจสอบร้านค้าในต่างประเทศ เพื่อให้มีการใช้รหัสยืนยันในการทำธุรกรรม (OTP) รวมถึงกำชับให้ธนาคารคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายภายใน 5 วันในส่วนของบัตรเดบิต
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการใช้เทคโนโลยี AI ในการสุ่มตัวเลขหน้าบัตร 12 หลัก โดยใช้ตัวเลข 6 หลักแรกที่เป็นการบอกธนาคารผู้ออกบัตร (bill number) และสุ่มตัวเลข 6 หลักหลัง เพื่อสุ่มทดลองการทำธุรกรรมวงเงินขนาดเล็ก ซึ่งไม่ต้องใช้รหัสยืนยันในการทำธุรกรรม (OTP) และทำธุรกรรมจำนวนมาก
โดยที่ผ่านมาธนาคารได้เก็บตัวเลขตั้งแต่ 1-17 ตุลาคม 2564 แต่จะเห็นว่าธุรกรรมผิดปกติจะเกิดในช่วง 14-17 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นธุรกรรรมเกิดจากบัตรเดบิต ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้มีการติดต่อลูกค้าเชิงรุกและปิดบัตรลูกค้าทันที ทั้งนี้ หากกรณีลูกค้าที่พบความผิดปกติของธุรกรรมที่ตัวเองไม่ได้ทำสามารถแจ้งผ่านคอลเซ็นเตอร์ โดยธนาคารจะเร่งดำเนินการคืนเงินให้กับลูกค้าภายใน 5 วัน รวมถึงมีการเปิดบัตรใหม่ให้กับลูกค้าโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเปิดบัตร
"นอกจากมาตรการของ ธปท.และสมาคมแบงก์แล้ว ธนาคารอยากให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบธุรกรรมของตัวเอง และเพิ่มความระมัดระวังในการผูกบัตรกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่มีการยืนยันด้วยรหัส OTP ในการทำธุรกรรม รวมถึงสามารถเปลี่ยนวงเงินหรือการอายัดบัตรได้ในโมบายแอปพลิเคชั่น"