“ควีนเอลิซาเบธที่ 2” ราชินีผู้ก้าวทันเทคโนโลยี ตลอด 70 ปี ที่ทรงครองราชย์
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร (Elizabeth II, Queen of The United Kingdom) หรือที่คนไทยคุ้นเคยในการเรียกว่า “ควีนเอลิซาเบธที่ 2” ได้สวรรคตลง ตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์ในฐานะราชินีของสหราชอาณาจักรมากว่า 70 ปี กับอีก 214 วัน พระองค์ได้ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ยุคที่โทรทัศน์ยังไม่แพร่หลาย จนถึงยุคปัจจุบันที่สังคมทั่วโลกกำลังพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และเมตาเวิร์ส (Metaverse)
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเคยมีพระราชดำรัสเมื่อครั้งดำรงอิสริยยศเจัาฟ้าหญิงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการพระราชทานขวัญกำลังใจแก่เด็กเยาวชนในช่วงเวลาสงครามที่ยากลำบาก และในพิธีการขึ้นครองราชย์ของพระองค์เมื่อปี 1953 ในช่วงเวลานั้นได้มีการนำระบบการถ่ายทำแบบ 3 มิติ มาทดลองบันทึกพระราชพิธีด้วย นอกจากนี้ยังทรงใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในการประกอบพระราชกรณียกิจมาโดยตลอด เช่น การมีพระราชปฏิสันถารกับนักบินอวกาศ (Astronaut) ที่ประจำการ ณ สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station: ISS) ในปี 2007 ผ่านระบบวิดีโอคอลที่ศูนย์ควบคุมเที่ยวบินอวกาศก็อดดาร์ดของนาซา (NASA’s Goddard Space Flight Center) หรือแม้แต่การเป็นราชวงศ์แรก ๆ ของโลกที่ใช้อีเมล (Email) สื่อสารผ่านระบบอาปาเน็ต (APANET) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยุคเริ่มแรกในปี 1976 ก่อนจะกลายเป็นอินเทอร์เน็ตแบบในปัจจุบัน
นอกจากการใช้เทคโนโลยีแล้ว พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังทรงใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ สำหรับพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เช่น ทรงใช้ซัมซุง กาแล็กซี โน้ต 10.1 (Samsung Galaxy Note 10.1) สำหรับการบันทึกความทรงจำในช่วง 60 ปี ของการครองราชย์ของพระองค์ รวมถึงยังทรงใช้งานคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเพลง MP3 ในตำนานอย่าง iPod ของแอปเปิล (Apple) ด้วยเช่นกัน รวมถึงมีช่องทางสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่างอินสตาแกรมที่พระองค์ทรงโพสต์เป็นครั้งแรกในปี 2019 หรือพระราชหัตถเลขาสั้น ๆ ผ่านทวิตเตอร์ (Twitter) ในปี 2014
ตลอดเวลาที่โลกหมุนวน ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์วินเซอร์ (Windsor) ได้ทรงแสดงให้พสกนิกรของสหราชอาณาจักรและผู้คนทั่วโลกถึงการวางพระองค์เป็นเชื้อพระวงศ์ที่พร้อมจะก้าวตามเทคโนโลยีของโลกเช่นกัน
ที่มาข้อมูล Sky News, Metro News, The Register, Wikipedia
ที่มารูปภาพ Wikipedia